เมื่อเร็ว ๆ นี้ กู๊ดวี (GoodWe) ได้รับรางวัลผู้ผลิตอุปกรณ์กักเก็บพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในเอเชีย จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์แห่งเบอร์ลิน (Berlin University of Applied Science) หลังผ่านการทดสอบประสิทธิภาพด้วยดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพทางด้านเวลา (SPI) ทั้งนี้ เทคโนโลยีต่าง ๆ เกิดจากการลงทุนและการสั่งสมประสบการณ์ และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าปีนี้เป็นปีที่ 10 แล้วที่กู๊ดวีได้อุทิศตนให้กับอุตสาหกรรมการกักเก็บพลังงาน
ในฤดูร้อนที่ร้อนจัดของปี 2555 คนกลุ่มหนึ่งได้จับกลุ่มพูดคุยกันอย่างจริงจังในโรงงานแห่งหนึ่ง โดยเรื่องที่พูดคุยกันก็คือ เจ้าของบ้านและครอบครัวมากมายกำลังได้รับความเดือดร้อนจากคลื่นความร้อน และยังขาดแหล่งจ่ายไฟที่เสถียรเนื่องจากโครงข่ายไฟฟ้าอ่อนแอ พลังงานแสงอาทิตย์จึงค่อย ๆ กลายมาเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน แต่น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอในเวลากลางคืนและในเวลาที่ไฟดับ
ในช่วงเวลานั้น กู๊ดวีเป็นเหมือนทารกแรกเกิดและเพิ่งจะได้รับการยอมรับในด้านอินเวอร์เตอร์แบบออนกริด หลังจากรับทราบปัญหาในตลาด คุณแดเนียล หวง (Daniel Huang) ประธานบริษัท จึงมุ่งมั่นลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ "เซลล์แสงอาทิตย์ + ระบบกักเก็บพลังงาน" โดยไม่มีความลังเลใด ๆ
ไม่นานนัก ความก้าวหน้าครั้งแรกก็ได้ปรากฏให้เห็นในเดือนพฤษภาคม 2557 โดยอินเวอร์เตอร์กักเก็บพลังงานซีรีส์อีเอส (ES) ซึ่งเป็นซีรีส์แรกของกู๊ดวี ได้ถูกนำไปติดตั้งในวิลล่าอายุ 400 ปีที่เมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ของกู๊ดวีในด้านการกักเก็บพลังงานในที่อยู่อาศัย ซึ่งในขณะนั้นยังถือเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างล้ำสมัย และผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในตลาดก็เป็นผลิตภัณฑ์แบบออฟกริด ขณะที่อินเวอร์เตอร์กักเก็บพลังงานของกู๊ดวีมีทั้งความสามารถในการกักเก็บพลังงาน และในเวลาเดียวกันก็ยังสามารถนำเอาพลังงานที่เหลืออยู่บนกริดมาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่สูญเปล่าเลยสักกิโลวัตต์
ในช่วงปี 2555-2560 ตลาดมีความต้องการระบบกักเก็บพลังงานเพิ่มขึ้นกว่า 20 เท่า จาก 0.34 กิกะวัตต์มาเป็น 6 กิกะวัตต์ และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง อินเวอร์เตอร์แบบไฮบริดของกู๊ดวีก็สามารถใช้งานร่วมกับแบตเตอรี่หลากหลายรุ่นของแอลจี (LG) และเทสลา (Tesla) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากู๊ดวีได้รุกเข้าสู่ตลาดระดับไฮเอนด์อย่างเป็นทางการ และกลายมาเป็นผู้เล่นรายสำคัญในอุตสาหกรรมระบบกักเก็บพลังงาน
เมื่อมาตรการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (FIT) ในตลาดหลัก ๆ เริ่มให้เงินอุดหนุนน้อยลง และต้นทุนของระบบกักเก็บพลังงานก็ถูกลงมาตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองได้รับความนิยมมากขึ้น การพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานของกู๊ดวีจึงมีความสำคัญมากขึ้นในการตอบสนองความต้องการมากมายและสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ที่ไม่เอื้ออำนวยได้
หลังจากที่มียอดส่งมอบกว่า 20,000 ยูนิตต่อปีอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดกู๊ดวีก็กลายมาเป็นผู้ผลิตระบบกักเก็บพลังงานรายใหญ่ของโลก ทั้งยังครองอันดับ 1 ของโลกในด้านการส่งมอบอินเวอร์เตอร์แบบไฮบริดสำหรับที่อยู่อาศัยจากการจัดอันดับโดยวู้ดแมคเคนซี (WoodMackenzie) ในปี 2563 ต่อมาในปี 2564 กู๊ดวีได้เปิดตัวแบตเตอรี่ซีรีส์ลิงซ์ (Lynx) เพื่อมอบโซลูชันที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า และในปีเดียวกันนั้นเอง อินเวอร์เตอร์กักเก็บพลังงานของกู๊ดวียังประสบความสำเร็จอีกขั้นด้วยยอดส่งมอบ 60,000 ยูนิต และยังคงเติบโตด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง
กู๊ดวีมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่านี่คือทิศทางที่ถูกต้องเพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็นแรงผลักดันที่สำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานทั่วโลก กู๊ดวีมีความมุ่งมั่นที่จะมอบประโยชน์และคุณค่าให้แก่โลกอันกว้างใหญ่ที่เปี่ยมด้วยอนาคตอันสดใสในด้านพลังงานสะอาด