สุภาษิตจีนโบราณกล่าวไว้ว่า "ความรู้ที่แท้จริงเกิดจากการปฏิบัติจริงเท่านั้น" ด้วยเหตุนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะผู้นำทางการเมืองที่เติบโตมาจากระดับรากหญ้า จึงได้ฝึกฝนการบริหารบ้านเมืองโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางตลอดหลายทศวรรษของการทำงานในระดับท้องถิ่น และยกระดับประสิทธิภาพการบริหารบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงต้นทศวรรษ 2530 การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจทั่วช่องแคบไต้หวันค่อย ๆ ได้รับการฟื้นฟู หลังจากที่จีนดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศอย่างลึกซึ้งทั่วประเทศ ด้วยศักยภาพทางการตลาดที่มีมากมายมหาศาล ไม่นานนักจีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ประกอบการในไต้หวัน และเมืองฝูโจวซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งอยู่ห่างจากไต้หวันเพียง 200 กิโลเมตร ก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางขนาดใหญ่อันดับสองสำหรับการลงทุนจากไต้หวัน
น่าเสียดายที่ความกระตือรือร้นของนักลงทุนลดลงในไม่ช้าเมื่อต้องเผชิญกับกระบวนการบริหารที่ไม่เอื้ออำนวย ในปี 2533 นายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองฝูโจว ได้ตรวจสอบสถานการณ์อย่างรอบคอบ และเสนอให้ใช้แนวทางใหม่ที่เรียกว่า "ทำเดี๋ยวนี้" โดยมีเป้าหมายในการลดกฎระเบียบและขั้นตอนที่ไม่จำเป็นซึ่งทำให้เสียเวลา
วิธีการนี้ช่วยปลดล็อกศักยภาพของเมืองฝูโจว โดยระหว่างปี 2533-2538 จีดีพีของเมืองพุ่งสูงขึ้นเป็นกว่า 4 หมื่นล้านหยวน จากไม่ถึง 1 หมื่นล้านหยวน ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของประเทศอย่างมาก และในไม่ช้าเมืองฝูโจวก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรือง
นายสี จิ้นผิง กล่าวในตอนนั้นว่า "เรากำลังเผชิญกับปัญหามากมายที่ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสม สิ่งที่เราต้องการคือความตั้งใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ ผมจึงยืนกรานที่จะลงมือทำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการนำทฤษฎี แนวทาง และนโยบายของเรามาปฏิบัติ การนำมาปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพคือกุญแจสู่ความสำเร็จ"
20 ปีต่อมา รัฐบาลเมืองฝูโจวยังคงยึดมั่นในนโยบาย "ทำเดี๋ยวนี้"
อีกหนึ่งรูปแบบการบริหารที่เป็นเอกลักษณ์ของนายสี จิ้นผิง คือความมุ่งมั่นที่จะขุดรากถอนโคนการทุจริตโดยไม่คำนึงถึงสถานะของผู้กระทำความผิด โดยในปี 2531 ที่เมืองหนิงเต๋อ มณฑลฝูเจี้ยน นายสี จิ้นผิง ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาการถือครองที่ดินอย่างผิดกฎหมาย
นายสี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองหนิงเต๋อระหว่างปี 2531-2533 โดยถือเป็นสมาชิกคณะกรรมการที่มีอายุน้อยที่สุด
หลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน นายสี จิ้นผิง ใช้เวลาหนึ่งเดือนในหมู่บ้าน บริษัท โรงเรียน และหน่วยงานรัฐเพื่อทำการสำรวจ ชาวบ้านบอกเขาว่าเจ้าหน้าที่บางคนใช้ที่ดินสาธารณะเพื่อสร้างบ้านของตนเองอย่างผิดกฎหมาย เขาจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินอย่างผิดกฎหมาย โดยเขาเป็นผู้นำคณะทำงานในก้าวแรกของการต่อต้านการทุจริตในเมืองหนิงเต๋อ
นายสี จิ้นผิง ถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของคณะกรรมการวินัยว่า เขาคิดว่าประชาชนพอใจกับสถานการณ์นี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่ จากนั้นนายสี จิ้นผิง ถามเจ้าหน้าที่คนนั้นว่า เขาคิดว่าสถานการณ์นี้กำลังส่งผลกระทบต่อผลิตภาพของประชาชนใช่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบว่าใช่
"จากนั้นผมถามเขาว่า เราควรทำให้ใครไม่พอใจ ระหว่างประชาชน 3 ล้านคนกับเจ้าหน้าที่หลายพันคนที่ละเมิดวินัยของพรรค" นายสี จิ้นผิง ให้สัมภาษณ์ในปี 2546
เขาตอบว่า "แน่นอนว่าเราควรทำให้เจ้าหน้าที่สองสามพันคนไม่พอใจ" ผมตอบกลับไปว่า "เราต้องทำเช่นนั้น และจะทำเต็มที่โดยไม่หันหลังกลับเด็ดขาด"
https://news.cgtn.com/news/2022-07-04/How-Xi-Jinping-practices-governance-through-working-in-the-field-1bmqAdWr3UY/index.html
วิดีโอ - https://www.youtube.com/watch?v=RHes3sXjMXc