ในบรรดาผู้แทน 2,296 คนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 มี 264 คน หรือคิดเป็น 11.5% ของทั้งหมด ที่มาจากชนกลุ่มน้อย 40 ชาติพันธุ์
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หรือหนึ่งวันหลังเปิดการประชุมครั้งสำคัญ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เข้าร่วมการอภิปรายกับผู้แทนจากเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป็นที่อยู่ของชนกลุ่มน้อยที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้ชาวจีนทุกกลุ่มชาติพันธุ์รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน "ดั่งเหล็กกล้า" ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พร้อมร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนเรือใหญ่แห่งการฟื้นฟูประเทศให้ผ่านพ้นคลื่นลมเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
เขากล่าวว่า การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ชี้ให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาของพรรคและของประเทศ รวมถึงเป็นการประกาศทางการเมืองและแผนปฏิบัติการสำหรับพรรคเพื่อรวมชาวจีนให้เป็นหนึ่ง เพื่อรักษาและพัฒนาสังคมนิยมเอกลักษณ์จีน
นายสี จิ้นผิง ยกย่องความสำเร็จของกว่างซีในการบรรเทาความยากจน การปฏิรูปเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และในด้านอื่น ๆ นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 18 เมื่อปี 2555 โดยระบุว่าเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่เด่นชัดของนโยบายชาติพันธุ์ของพรรคและระบบการปกครองตนเองของกลุ่มชาติพันธุ์ระดับภูมิภาค นับเป็นความก้าวหน้าซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนในช่วง 10 ปีแรกของยุคใหม่
การพัฒนาของกว่างซี
ในเดือนเมษายน นายสี จิ้นผิง ได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้เป็นผู้แทนของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงในการเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่ จากหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 38 หน่วยที่เป็นตัวแทนของพรรคที่มีสมาชิกกว่า 96 ล้านคนทั่วประเทศ
กว่างซีเป็นภูมิภาคชนกลุ่มน้อยขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของจีนที่มีพรมแดนติดกับเวียดนาม ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญสำหรับการค้าข้ามพรมแดนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้มีการสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ท่ามกลางการเปิดกว้างของจีน
ความสัมพันธ์ดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนในมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo) ครั้งที่ 19 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีการลงนามข้อตกลงในประเทศและระหว่างประเทศมากเป็นประวัติการณ์ถึง 267 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 4 แสนล้านหยวน หรือราว 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 37% จากปีที่แล้ว
ในเดือนพฤศจิกายน 2563 กว่างซีได้นำพาทั้ง 54 อำเภอที่ยากจนให้พ้นจากความยากจน โดย 8 อำเภอสุดท้ายที่ยากจนที่สุด ซึ่งในจำนวนนี้มี 6 อำเภอปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อย สามารถขจัดความยากจนได้สำเร็จ
การที่นายสี จิ้นผิง มีส่วนร่วมในการเลือกตั้งในพื้นที่ชายขอบที่มีชนกลุ่มน้อยจำนวนมาก รวมถึงพื้นที่ที่เป็นฐานการปฏิวัติเก่า และภูมิภาคสำคัญ ๆ ที่มีการใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติ ถือเป็นตัวอย่างให้กับเจ้าหน้าที่ระดับผู้นำคนอื่น ๆ
การเลือกตั้งผู้แทนของหน่วยเลือกตั้งและการเข้าร่วมการอภิปรายแบบคณะ นับว่าเอื้อต่อการเสริมสร้างแนวทาง ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูง ผลักดันการดำเนินโครงการพัฒนาระดับชาติที่สำคัญ ตลอดจนสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกด้าน
ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อชาติจีน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รายงานต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพยายามสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อชาติจีน
จีนเป็นประเทศที่มีหลายกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเป้าหมายของนโยบายชาติพันธุ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือ การส่งเสริมอัตลักษณ์ของชาติจีน การรักษาความเป็นเอกภาพและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาร่วมกัน
ระบบการปกครองตนเองของกลุ่มชาติพันธุ์ระดับภูมิภาคหมายความว่าพื้นที่ที่มีชนกลุ่มน้อยจำนวนมากสามารถปกครองตนเอง จัดตั้งองค์กรปกครองตนเอง และใช้อำนาจปกครองตนเองภายใต้การนำของรัฐ ระบบการเมืองพื้นฐานนี้มีระบุไว้อย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญของประเทศและกฎหมายว่าด้วยการปกครองตนเองของกลุ่มชาติพันธุ์ระดับภูมิภาค
สมุดปกขาวที่เผยแพร่ในปี 2564 ระบุว่า พื้นที่ของชนกลุ่มน้อยมีความก้าวหน้าอย่างโดดเด่นในการต่อสู้กับความยากจน โดยในช่วงปี 2559-2563 ในเขตปกครองตนเองห้าเขต ได้แก่ มองโกเลียใน ทิเบต หนิงเซี่ย ซินเจียง และกว่างซี รวมถึงสามมณฑลที่มีประชากรหลากหลายชาติพันธุ์เป็นจำนวนมาก ได้แก่ กุ้ยโจว ยูนนาน และชิงไห่ มีจำนวนคนยากจนลดลงถึง 15.6 ล้านคน
นอกจากนี้ สมุดปกขาวระบุว่า ความยากจนขั้นรุนแรงใน 28 ชนกลุ่มน้อยที่มีประชากรไม่มาก ได้ถูกขจัดไปจนหมดสิ้น
https://news.cgtn.com/news/2022-10-18/CPC-congress-Past-decade-sees-success-of-CPC-s-ethnic-policies-1ed4NzQS7Ty/index.html