ทรินา โซลาร์ (Trina Solar) ผู้ให้บริการเซลล์แสงอาทิตย์และโซลูชันพลังงานอัจฉริยะชั้นนำระดับโลก เปิดตัวโมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น (Vertex N) ขนาด 595 วัตต์ สำหรับโครงการเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และสาธารณูปโภค โดยมาพร้อมกับโมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น ขนาด 690 วัตต์ สำหรับการใช้งานในระดับสาธารณูปโภค และเวอร์เท็กซ์ เอสพลัส (Vertex S+) ขนาด 445 วัตต์ สำหรับติดตั้งบนหลังคา โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์โมดูลชนิดเอ็น-ไทป์ (n-type) ของทรินา โซลาร์ ใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีโมดูลขนาด 210 มม. และเทคโนโลยี ไอ-ท็อปคอน (i-TOPCon) โดยการเปิดตัวเวอร์เท็กซ์ เอ็น จะสร้างแรงสั่นสะเทือนและพลิกโฉมตลาดเซลล์แสงอาทิตย์อีกครั้ง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวอร์เท็กซ์ เอ็น ได้ที่ https://pages.trinasolar.com/VertexN-Launch.html
เวอร์เท็กซ์ เอ็น เสริมแกร่งโมดูลตระกูลเวอร์เท็กซ์ พร้อมจัดส่งถึงมือแล้ว
โมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวใหม่นี้ ยังคงสานต่อความโดดเด่นของโมดูลตระกูลเวอร์เท็กซ์ในด้านกำลังที่สูงขึ้น ประสิทธิภาพที่มากขึ้น ผลผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น และความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้น โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุด 595 วัตต์ ซึ่งสูงกว่าโมดูลเอ็น-ไทป์ทั่วไปในตลาดถึง 30 วัตต์ นอกจากนี้ โมดูลกระจกคู่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสองหน้าขึ้นเป็น 80% พร้อมมอบประสิทธิภาพที่สูงขึ้น อัตราการเสื่อมสภาพที่ต่ำลง และผลผลิตไฟฟ้าดีขึ้น ทำให้โครงการต่าง ๆ สามารถลดต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) โมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น ขนาด 595 วัตต์ ใช้แพลตฟอร์มโมดูลขนาด 210 มม.ใหม่ล่าสุด บวกกับเทคโนโลยี ไอ-ท็อปคอน และสามารถใช้งานร่วมกับระบบติดตามดวงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี จึงเพิ่มความเป็นไปได้ในการใช้งานในโครงการระดับสาธารณูปโภค แม้ในพื้นที่ที่ซับซ้อนที่สุด
นอกจากโมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น ขนาด 595 วัตต์แล้ว ทรินา โซลาร์ ยังนำเสนอโมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น ขนาด 690 วัตต์ และเวอร์เท็กซ์ เอสพลัส ขนาด 445 วัตต์ พร้อมเทคโนโลยี ไอ-ท็อปคอน สำหรับการใช้งานระดับสาธารณูปโภคและการติดตั้งบนหลังคา
ปัจจุบัน ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เริ่มใกล้เคียงกับค่าไฟฟ้าที่ซื้อจากสายส่งไฟฟ้ามากขึ้น (Grid Parity) ส่งผลให้ความต้องการใช้งานเซลล์แสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นตามไปด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์โมดูลเอ็น-ไทป์ล่าสุด ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 445-690 วัตต์ จะช่วยดันให้โมดูลดังกล่าวขึ้นแท่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นสำหรับการติดตั้งบนหลังคาและโครงการระดับสาธารณูปโภค
โมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็นรุ่นใหม่ จะมีการผลิตปริมาณมากภายในสิ้นปี 2565 และคาดว่าจะมีกำลังการผลิตโมดูลเอ็น-ไทป์มากกว่า 10 กิกะวัตต์ภายในไตรมาสแรกของปี 2566 นอกจากนี้ กำลังการผลิตของโมดูลเอ็น-ไทป์ ยังจ่อเพิ่มสูงขึ้นถึง 20-30 กิกะวัตต์ภายในสิ้นปีหน้า ทั้งนี้ ทรินา โซลาร์ ได้เริ่มผลิตและส่งมอบโมดูลไอ-ท็อปคอน จำนวนมากในปี 2561 หลังจากที่บริษัทได้รับเลือกให้เป็นบริษัทสาธิตสำหรับโปรแกรมท็อป รันเนอร์ (Top Runner) ของจีน นับตั้งแต่นั้นมา โมดูลไอ-ท็อปคอนของทรินา โซลาร์ ก็ได้รับการยอมรับจากตลาด และถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในโรงไฟฟ้าระดับสาธารณูปโภคและการติดตั้งบนหลังคาทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโมดูลประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ ทรินา โซลาร์ จะเดินหน้าพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอ็น-ไทป์ต่อไป
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมดูลตระกูลเวอร์เท็กซ์ได้ที่ https://vertex.trinasolar.com/
ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการเปิดกว้าง
ทรินา โซลาร์ มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและเดินหน้ากำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม รวมถึงเกณฑ์มาตรฐานในด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืน บริษัทได้สร้างสถิติโลก 25 รายการจากประสิทธิภาพของเซลล์และโมดูล โดยในเดือนสิงหาคม ประสิทธิภาพการรับแสงของโมดูลเวอร์เท็กซ์ ชนิดเอ็น-ไทป์ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของทรินา โซลาร์ ซึ่งใช้โมโนคริสตัลไลน์ซิลิคอน เพิ่มขึ้นถึงระดับ 24.24% สร้างสถิติใหม่ของโลกสำหรับโมดูลไอ-ท็อปคอน ชนิดเอ็น-ไทป์ ขนาดใหญ่ระดับอุตสาหกรรม ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ทรินา โซลาร์ ได้สร้างสถิติโลกจากเซลล์แสงอาทิตย์ไอ-ท็อปคอน ชนิดเอ็น-ไทป์ ขนาดใหญ่ระดับอุตสาหกรรม
ในฐานะบริษัทแรกที่ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีโมดูล 210 มม. ทรินา โซลาร์ มุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มแบบเปิดที่เข้ากันได้กับเทคโนโลยีเซลล์สุดล้ำหลากหลายประเภท เช่น ไอ-ท็อปคอน และเฮทเทอโรจังก์ชัน (HJT) โมดูลตระกูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น และเวอร์เท็กซ์ เอสพลัส ซึ่งพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มเทคโนโลยี 210 ได้ผสานรวมข้อดีของทั้งเทคโนโลยี 210 และเทคโนโลยีเอ็น-ไทป์ ซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้า
อนาคตที่ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม การประชุมในหัวข้อ "เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน" ซึ่งจัดโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ที่กรุงลอนดอน มีบริษัทลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่จำนวนมากเข้าร่วม และในโอกาสนี้ ทรินา โซลาร์ ได้บรรยายถึงวิสัยทัศน์ในการก้าวไปสู่อนาคตคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ด้วยการจัดหาโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ
จากข้อมูลของทรินา โซลาร์ ผลิตภัณฑ์ในตระกูลเวอร์เท็กซ์ได้รับการประเมินแล้วว่ามีอัตราการปล่อยคาร์บอนต่ำในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม โดยผ่านการประเมินวัฏจักรชีวิตของไอเอสโอ (ISO) และผ่านการประเมินคุณสมบัติการปล่อยคาร์บอนโดยหน่วยงานรับรองภายนอกที่มีชื่อเสียง เช่น ยูแอล (UL), อีพีดี (EPD) และเซอร์ติโซลิส (Certisolis)
เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์การพัฒนาที่ยั่งยืนและการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทรินา โซลาร์ ยังตั้งเป้าที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในการผลิตและการดำเนินงานภายในปี 2573 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 7 ขององค์การสหประชาชาติ