การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 อย่างยาวนานถึง 1 สัปดาห์ ได้ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง โดยการแต่งตั้งนายสี จิ้นผิง ให้ดำรงตำแหน่งเป็นแกนหลักของพรรคและคณะกรรมการกลางพรรค ประกอบกับแนวคิดแบบสี จิ้นผิง ในเรื่องสังคมนิยมแบบฉบับของจีนในยุคใหม่ ได้เข้ามาฟื้นฟูชาติในระดับที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก
ที่ประชุมฯ เปิดเผยว่า การแต่งตั้งสหายสี จิ้นผิง ให้เป็นแกนหลักของพรรคและคณะกรรมการกลางพรรค และการใช้แนวคิดของสี จิ้นผิง เกี่ยวกับสังคมนิยมลักษณะเฉพาะของจีนชี้นำยุคสมัยใหม่ แสดงถึงความสำเร็จทางการเมืองที่สำคัญของพรรคในยุคใหม่ และเป็นปัจจัยที่จะชี้ชะตาในความสำเร็จและการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคระดับที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก
ที่ประชุมฯ ได้เน้นย้ำว่า สมาชิกพรรคฯ ทุกคนจำเป็นต้องทำความเข้าใจความสำคัญของความสำเร็จครั้งนี้อย่างลึกซึ้ง โดยยึดมั่นบทบาทแกนหลักของสหายสี จิ้นผิง ในคณะกรรมการกลางประจำพรรคและตัวพรรคเอง พร้อมรักษาอำนาจของคณะกรรมการกลาง และความเป็นผู้นำที่รวมกันเป็นหนึ่ง ดำเนินการตามแนวคิดของสี จิ้นผิง เกี่ยวกับสังคมนิยมลักษณะเฉพาะของจีนในยุคสมัยใหม่อย่างเต็มรูปแบบ และปฏิบัติตามคณะกรรมการกลางของพรรคอย่างใกล้ชิด โดยมีสหายสี จิ้นผิง เป็นแกนหลักในการคิด ท่าทีทางการเมือง และการดำเนินการต่าง ๆ
นักวิเคราะห์ชาวจีนระบุว่า มติที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมฯ แสดงให้เห็นว่า ทางพรรคพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางครั้งใหม่ และมีวิสัยทัศน์และความคิดร่วมสมัยที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับธรรมาภิบาล การพัฒนา พันธกิจสำคัญ และระบบระเบียบของโลก
ที่ประชุมฯ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ตระหนักถึงเป้าหมายในการรวมความคิดให้เป็นหนึ่ง เสริมสร้างความเชื่อมั่น บุกเบิกเส้นทางใหม่ และส่งเสริมขวัญกำลังใจ โดยปธน.สีได้กล่าวแก่ผู้เข้าร่วมประชุมทั้ง 2,338 คนและผู้ได้รับเชิญเป็นพิเศษในการปิดม่านของการประชุมที่ยาวนาน 1 สัปดาห์ ณ มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า "นี่เป็นการประชุมเพื่อชูธงของเราให้สูงขึ้น เสริมสร้างความแข็งแกร่ง และส่งเสริมความทุ่มเทและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเรา"
เหตุการณ์สำคัญที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
ปธน.สี จิ้นผิง กล่าวในการปิดการประชุมว่า "เราเชื่อว่า การตัดสินใจและแผนที่ได้วางเอาไว้ในการประชุม รวมถึงผลลัพธ์ทั้งหมดจะมีบทบาทสำคัญในการชี้นำและสนับสนุนความพยายามของเรา ในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกมิติ ส่งเสริมการฟื้นฟูชาติในทุกด้าน และคว้าชัยชนะครั้งใหม่ให้กับสังคมนิยมแบบจีนที่มีลักษณะเฉพาะตัว"
มติที่ได้รับการอนุมัติระบุว่า "รายงานของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 19 ที่ผ่านการรับรองจากรัฐสภา เป็นการตกผลึกทางปัญญาของพรรคและประชาชน ซึ่งนับเป็นการประกาศทางการเมืองและแผนปฏิบัติการของพรรค เพื่อรวบรวมชาวจีนจากทุกกลุ่มชาติพันธุ์ให้เป็นปึกแผ่น และนำพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จครั้งใหม่ให้กับสังคมนิยมแบบจีนที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งเป็นไปในแนวทางของมาร์กซิสต์"
นอกจากนี้ จากมติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคที่ผ่านการรับรอง "ที่ประชุมฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นด้วยว่า การพัฒนารูปแบบใหม่ตามแนวคิดของสี จิ้นผิง เกี่ยวกับสังคมนิยมลักษณะเฉพาะของจีนในยุคสมัยใหม่ นับตั้งแต่การประชุมรัฐสภาแห่งชาติครั้งที่ 19 ของพรรค ควรรวมอยู่ในรัฐธรรมนูญของพรรค เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่สำคัญของคณะกรรมการกลางที่มีสหายสี จิ้นผิง เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านทฤษฎี การปฏิบัติ และสถาบันของพรรคให้ได้ดียิ่งขึ้น"
ที่ประชุมฯ ระบุว่า ในพิธีเฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน สหายสี จิ้นผิง ได้ประกาศอย่างจริงจังในนามของพรรคและประชาชนว่า เราได้ตระหนักถึงเป้าหมายร้อยปีแรกในการสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองในระดับปานกลางในทุกด้าน และขณะนี้กำลังก้าวเดินไปสู่เป้าหมายร้อยปีที่สองอย่างมั่นใจ ในการสร้างจีนให้กลายเป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในทุกมิติ ซึ่งมติของพรรคบ่งชี้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีขึ้นเพื่อการนี้
คุณจาง ซูหัว (Zhang Shuhua) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยรัฐศาสตร์ของสถาบันสังคมศาสตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ เมื่อวันเสาร์ว่า มติล่าสุดได้สะท้อนให้เห็นรวมถึงกำหนดทิศทางความสำเร็จทางการเมือง ทฤษฎี และอุดมการณ์ทั้งหมดที่ พรรคคอมมิวนิสต์จีนบรรลุไว้นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 18 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา"
คุณจาง ซีเซียน (Zhang Xixian) ศาสตราจารย์ประจำโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์ประจำคณะกรรมการกลางพรรคฯ ในกรุงปักกิ่ง กล่าวกับหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส เมื่อวันเสาร์ว่า การเห็นชอบต่อมติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเป็น "จุดเริ่มต้นสำหรับพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะออกเดินทางสู่เป้าหมายร้อยปีที่สองและเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในพรรค ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดรูปแบบการพัฒนา แบบแผน ทิศทางและชะตากรรมของพรรคในการมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายซึ่งมีกำหนดจะบรรลุในกลางศตวรรษนี้"
ตามมติที่ผ่านการรับรองในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ประชุมฯ ตกลงที่จะรวมแถลงการณ์ไว้ในรัฐธรรมนูญของพรรค รวมถึง "ปณิธานดั้งเดิมของพรรคและภารกิจในการก่อตั้งพรรค ตลอดจนความสำเร็จที่สำคัญและประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา" และ "ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมขั้นพื้นฐาน รวมถึงระบบที่มีความเป็นเจ้าของสาธารณะเป็นแกนหลัก ขณะที่การเป็นเจ้าของรูปแบบต่าง ๆ พัฒนาร่วมกันได้ ระบบที่เน้นการกระจายตามงานเป็นหลัก ในขณะที่ยังมีการกระจายหลากหลายรูปแบบควบคู่กันไปด้วย และเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยมเป็นเสาหลักที่สำคัญของสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน"
ที่ประชุมฯ ยังเห็นพ้องที่จะเพิ่มคำแถลงรัฐธรรมนูญของพรรค เช่น "ขับเคลื่อนจิตวิญญาณการต่อสู้ของเราและสร้างความสามารถในการต่อสู้ของเรา" และ "ค่อย ๆ ตระหนักถึงเป้าหมายของความเจริญรุ่งเรืองโดยทั่วกัน" เช่นเดียวกับ "ก้าวตามหลักนิติธรรมแบบสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน โดยพัฒนาประชาธิปไตยของประชาชนทั้งกระบวนให้กว้าง สมบูรณ์ และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น"
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังก้าวไปตามยุคสมัย เนื่องจากถ้อยแถลงที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในรัฐธรรมนูญของพรรคทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเรียนรู้ ประสบการณ์ และความเข้าใจที่พรรคได้สะสมจากการปกครองและการเอาชนะความท้าทายในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอย่างแท้จริง ทั้งยังสะท้อนความต้องการหลักของชาวจีน และภารกิจสำคัญที่พรรคพยายามทำให้สำเร็จในอนาคต
นายหยาง เสวียตง (Yang Xuedong) อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิงหวา ยกตัวอย่างว่า การเน้นย้ำ "การขับเคลื่อนจิตวิญญาณการต่อสู้ของเรา" ในมติดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ชัดเจนเกี่ยวกับความท้าทายที่พรรคต้องเผชิญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และจะเผชิญในอนาคต
"เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เราจำเป็นต้องต่อสู้อย่างยากลำบากมากขึ้น ในขณะที่เราตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน เช่น การสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกแง่มุมและฟื้นฟูชาติ" นายหยาง กล่าวต่อสำนักข่าวโกลบอล ไทม์ส ในวันเสาร์
ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบที่จะนำแถลงการณ์เหล่านี้ไว้ในรัฐธรรมนูญของพรรค เช่น "การเพิ่มความจงรักภักดีทางการเมืองในกองทัพ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของกองทัพด้วยการปฏิรูป วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การฝึกอบรมบุคลากร และการบริหารกองทัพตามกฎหมาย โดยยกระดับกำลังพลไปสู่มาตรฐานระดับโลก ดำเนินการตามนโยบายหนึ่งประเทศ สองระบบอย่างเต็มที่ ซื่อสัตย์ และเด็ดเดี่ยว รวมทั้งต่อต้านและยับยั้งผู้แบ่งแยกดินแดนที่แสวงหา "เอกราชของไต้หวัน" อย่างเด็ดขาด"
"การแก้ไขเหล่านี้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของพรรคในการสร้างกองทัพที่เข้มแข็งด้วยคุณลักษณะเฉพาะแบบจีน โดยสร้างความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายหนึ่งประเทศ สองระบบ พัฒนาการรวมชาติ ส่งเสริมการสร้างชุมชนมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกัน และเป็นผู้นำความก้าวหน้าของมนุษย์" ถ้อยแถลงในมติระบุ
วิสัยทัศน์ระดับโลก
พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เพียงจับตาดูพัฒนาการและชะตากรรมของจีนเท่านั้น แต่ยังมีวิสัยทัศน์ที่มากขึ้นในการสนับสนุนความพยายามในการสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับมนุษยชาติทั้งมวล โดยตามมติที่ผ่านการอนุมัติ ที่ประชุมฯ ตกลงที่จะรวม "การรักษาค่านิยมร่วมกันของมนุษยชาติในด้านสันติภาพ การพัฒนา ความเป็นธรรม ความยุติธรรม ประชาธิปไตย และเสรีภาพ โดยเร่งสร้างโลกที่เปิดกว้าง ครอบคลุม สะอาด และงดงามที่มีสันติสุขถาวร ความมั่นคงสากล และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" ในแถลงการณ์รัฐธรรมนูญของพรรค
มติระบุว่า การแก้ไขเหล่านี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของพรรคในการสร้างกองทัพที่มีความเข้มแข็งด้วยคุณลักษณะแบบจีน โดยสร้างความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนและมั่นคงด้วยนโยบายหนึ่งประเทศ สองระบบ ส่งเสริมการรวมชาติในประเทศ ส่งเสริมการสร้างชุมชนมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกัน และเป็นผู้นำกระแสความก้าวหน้าของมนุษย์
นายหวัง อี้เหวย (Wang Yiwei) ผู้อำนวยการสถาบันวิเทศสัมพันธ์แห่งมหาวิทยาลัยเหรินหมินของจีน กล่าวกับสำนักข่าวโกลบอล ไทม์ส ว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เพียงถูกชี้นำโดยปณิธานดั้งเดิมและภารกิจในการแสวงหาความสุขสำหรับชาวจีนและการฟื้นฟูชาติจีน แต่ยัง "มีความคิดมากขึ้นในการแสวงหาความก้าวหน้าสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ และแสวงหา 'ความสามัคคีอันยิ่งใหญ่' ('ต้าถง' ในภาษาจีน ซึ่งเป็นอุดมคติที่ไม่มีสงครามและความไม่เท่าเทียมกันในวัฒนธรรมจีน) สำหรับโลก" เพราะพลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า จีนกำลังอยู่บนเส้นทางหรือไม่ก็เข้าสู่ศูนย์กลางของเวทีระหว่างประเทศไปแล้ว ดังนั้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงจำเป็นต้องคิดใคร่ครวญมากขึ้นในระดับที่สูงขึ้น เพื่อรวมค่านิยมต่าง ๆ ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเอาไว้ แทนที่จะแยกออกจากกัน และสร้างชุมชนมนุษย์ที่มีการแบ่งปันอนาคตร่วมกัน