เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน งานแถลงข่าวครบรอบ 20 ปีของการก่อตั้งเมืองไป่เซ่อได้จัดขึ้นที่นครหนานหนิง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เมืองไป่เซ่อได้ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเป็นอันดับแรก และพยายามทุกวิถีทางในการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงเพื่ออุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง การเกษตรที่มีลักษณะเฉพาะ และอุตสาหกรรมบริการที่ทันสมัย เมืองไป่เซ่อมีมูลค่าผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 8.5 เท่า ปริมาณการนำเข้าและส่งออกรวมปรับตัวขึ้น 44 เท่า และขนาดของอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสูงถึง 1 แสนล้านหยวน อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติในฐานะ "เมืองท่องเที่ยวชั้นนำของจีน" (Top Tourist City of China) และ "เมืองแห่งสวนระดับชาติ" (National Garden City)
สำนักประชาสัมพันธ์เมืองไป่เซ่อเปิดเผยว่า เมืองไป่เซ่อซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของกว่างซี เป็นเมืองระดับจังหวัดที่มีพื้นที่ชายแดนติดประเทศเวียดนามมากที่สุด และยังเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของจีนในการเปิดกว้างและร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียน โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เมืองไป่เซ่อได้คว้าโอกาส เดินหน้าปฏิรูปและสร้างสรรค์นวัตกรรม และก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเพิ่มความแข็งแกร่งโดยรวมของเมืองอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนลักษณะของพื้นที่เมืองและชนบท ยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน และประสบความสำเร็จอย่างสูงในการพัฒนาและเปิดกว้าง ส่วนทางด้านบริการสาธารณะ เช่น การจ้างงาน การศึกษา การรักษาพยาบาล ที่อยู่อาศัย บริการดูแลมารดาและผู้สูงอายุ ก็ได้รับการรับรองอย่างดีและมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ด้านความเป็นอยู่ของประชาชนก็ดีขึ้นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีการฟื้นฟูอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วและมั่นคง มีการสร้างโครงข่ายไฟฟ้าระดับภูมิภาคในเมือง และเขตสาธิตระดับชาติสำหรับอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมเชิงนิเวศวิทยา โดยมีขนาดของอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมสูงแตะ 1 แสนล้านหยวน ขณะเดียวกัน เนื่องจากภาคการเกษตรได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มะม่วงของเมืองไป่เซ่อจึงเป็นหนึ่งในสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ 100 รายการแรกที่ได้รับการคุ้มครองโดยสหภาพยุโรปในจีน ยิ่งไปกว่านั้น เมืองไป่เซ่อยังผลักดันการบริหารจัดการภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ ทะเลสาบ และทุ่งหญ้าอย่างครอบคลุม โดยสามารถเพิ่มพื้นที่ป่าจาก 42.3% ในปี 2545 สู่ระดับ 73% ในปี 2564 จนคว้าสถานะอันทรงเกียรติอย่าง "เมืองแห่งป่าระดับชาติ" (National Forest City) และ "เมืองต้นแบบแห่งชาติด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม" (National Model City for Greening)
ขณะเดียวกัน เมืองไป่เซ่อยังคงเดินหน้าปฏิรูปและเปิดกว้าง ตลอดจนยกระดับการเปิดกว้างอย่างต่อเนื่อง โดยเขตนำร่องการพัฒนาและเปิดกว้างเมืองไป่เซ่อ (Baise Key Development and Opening Pilot Zone) ได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งขึ้น จนกลายเป็นเขตนำร่องการพัฒนาและเปิดกว้างในเมืองระดับจังหวัดแห่งแรกของจีนตามแนวชายแดน ขณะเดียวกัน ท่าเรือหลงปัง (Longbang Port) ได้ถูกยกระดับให้เป็นท่าเรือนานาชาติ และมีการเปิดระเบียงเศรษฐกิจหน่าซี (Naxi Corridor) ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ตามชายแดนทั้งสองฝั่งต่างทำการค้าระหว่างกัน โดยมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าเป็นอันดับหนึ่งในกว่างซี นับว่าช่องทางสู่อาเซียนได้เปิดกว้างยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เมืองไป่เซ่อยังเร่งสร้างแพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมการเปิดกว้างและความร่วมมือ ซึ่งรวมถึงศูนย์ซื้อขายและคลังสินค้าอะลูมิเนียมกว่างซี (Guangxi Aluminum Products Warehousing and Trading Center) และเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจบริเวณชายแดนเมืองจิงซี (Jingxi Border Economic Cooperation Zone) ขณะเดียวกัน รถไฟไปเซ่อ-1 ยังประสบความสำเร็จในการเชื่อมต่อกับรถไฟด่วนจีน-ยุโรป และการค้าต่างประเทศก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว เมืองไป่เซ่อได้กลายเป็นหนึ่งในเมืองหลักสำคัญที่หันหน้าเข้าหาอาเซียนและเชื่อมโยงโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road)
ในอนาคต เมืองไป่เซ่อจะยังคงเปิดกว้างสำหรับการพัฒนา รวมถึงสร้างเขตนำร่องการพัฒนาและเปิดกว้างเมืองไป่เซ่อที่มีคุณภาพสูง และเร่งสร้างแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น เขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจบริเวณชายแดน และอุทยานเศรษฐกิจข้ามจังหวัด (เขต) นอกจากนี้ เมืองไป่เซ่อจะบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่อุตสาหกรรมข้ามภูมิภาคและข้ามพรมแดน "เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า, เขตเศรษฐกิจอ่าวเป่ยปู้ และอาเซียน" ตลอดจนสร้างรูปแบบใหม่ของการเปิดกว้างและความร่วมมือในระดับที่สูงขึ้น
ที่มา: สำนักประชาสัมพันธ์เมืองไป่เซ่อ
ลิงก์รูปภาพประกอบข่าว:
ลิงก์: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=434803
คำบรรยายภาพ: เมืองไป่เซ่อโฉมใหม่