เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในคำปราศรัยปีใหม่ปี 2566 ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ปธน.สีชี้ว่าจีนเป็นประเทศที่มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับทั่วโลก พร้อมกล่าวว่า ตัวเขาไม่เพียงแต่ต้อนรับเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ในปักกิ่งเท่านั้น แต่ยังเดินทางไปต่างประเทศเพื่อนำเสนอแผนงานของจีนให้กับทั่วโลกในปีที่ผ่านมา
ปีที่ผ่านมาได้มีการรวมตัวกันของเพื่อนฝูงในกีฬาโอลิมปิกปักกิ่งและพาราลิมปิกฤดูหนาวเมื่อฤดูใบไม้ผลิ การประชุมทวิภาคีระหว่างปธน.สีกับผู้นำจากกว่า 40 ประเทศ และการเดินทางไปต่างประเทศสามครั้งของปธน.สีก่อนและหลังการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ในเดือนตุลาคม
นายเหงียน ฟู้ จ่อง (Nguyen Phu Trong) เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม กลายเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่เดินทางเยือนจีน นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนสิ้นสุดลง ตั้งแต่นั้นมา ปธน.สีก็ได้จัดการประชุมทวิภาคีกับผู้นำต่างประเทศหลายสิบครั้ง รวมถึงนายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำคนแรกจากประเทศสำคัญของชาติตะวันตกที่เดินทางเยือนจีนหลังการประชุมครั้งสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
การเดินทางเยือนดังกล่าวได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นความก้าวหน้าสูงสุดทางการทูตระดับประมุขแห่งรัฐในปี 2565
ในปีที่ผ่านมา จีนยังคงแสดงบทบาทในฐานะประเทศทรงอิทธิพลที่มีความรับผิดชอบในเวทีระหว่างประเทศ โดยส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศใหญ่รายอื่น ๆ
ตั้งแต่การโทรศัพท์ 2 ครั้งไปจนถึงการประชุมแบบตัวต่อตัวในบาหลีระหว่างปธน.สีกับปธน.โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ผู้นำทั้งสองตกลงที่จะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อทำให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ กลับมาสู่แนวทางเดิมด้วยการพัฒนาที่มั่นคง
นอกจากการประชุมแบบพบหน้ากัน 2 ครั้งในกรุงปักกิ่งในเดือนกุมภาพันธ์และที่เมืองซามาร์กันต์ในเดือนกันยายนแล้ว การประชุมทางไกลระหว่างปธน.สีกับปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เมื่อวานนี้ยังแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองประเทศจะยังคงเสริมสร้างการประสานงานเชิงกลยุทธ์และรักษาความยุติธรรมระหว่างประเทศต่อไป
อีกทั้งการที่ปธน.สีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดจีน-รัฐอาหรับครั้งแรก และการประชุมสุดยอดจีน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ในริยาด ได้ทำให้ความสัมพันธ์จีน-อาหรับไปสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาอย่างรอบด้านและลึกซึ้ง
ในปีที่ผ่านมา จีนยังคงนำเสนอวิธีแก้ปัญหาด้วยภูมิปัญญาจีน เพื่อจัดการกับความท้าทายที่ประชาคมระหว่างประเทศเผชิญหน้าร่วมกัน
ปธน.สีได้เสนอโครงการริเริ่มความมั่นคงโลก (Global Security Initiative หรือ GSI) ในการประชุมโป๋อ๋าว ฟอรัม ฟอร์ เอเชีย (Boao Forum for Asia) เมื่อเดือนเมษายน 2565 เพื่อทำงานร่วมกับประเทศอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยสำหรับทุกคน หลังจากผลักดันดัชนีการพัฒนาระดับโลก (Global Development Index หรือ GDI) ในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) ครั้งที่ 76 เมื่อเดือนกันยายน 2564
จนถึงปัจจุบัน กว่า 70 ประเทศได้แสดงการสนับสนุนโครงการริเริ่มความมั่นคงโลก และมากกว่า 100 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศจำนวนหนึ่ง รวมทั้งสหประชาชาติ (UN) ได้ให้การสนับสนุนดัชนีการพัฒนาระดับโลก และเกือบ 70 ประเทศได้เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรดัชนีการพัฒนาระดับโลก (Group of Friends of the GDI) แล้ว
ปธน.สี มองว่า การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบศตวรรษกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และโลกยังไม่สงบสุข โดยกล่าวในคำปราศรัยปีใหม่ว่า จีนยึดมั่นในสันติภาพและความก้าวหน้า และให้ความสำคัญกับเพื่อนและพันธมิตรเสมอ
"เรายืนหยัดอยู่ฝ่ายที่ถูกต้องของประวัติศาสตร์และอยู่ฝ่ายอารยธรรมมนุษย์และความก้าวหน้า เราทำงานอย่างหนักเพื่อสนับสนุนภูมิปัญญาและแนวทางแก้ไขของจีน เพื่อก่อให้เกิดสันติภาพและการพัฒนาสำหรับมวลมนุษยชาติ" ปธน.สี กล่าว