โลกของเรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อนในรอบศตวรรษ ทั้งความวุ่นวายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น การเผชิญหน้าที่รุนแรงขึ้นระหว่างลัทธิเอกภาคีนิยม (unilateralism) กับลัทธิหลายขั้วอำนาจ (multi-polarity) โรคระบาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมถึงวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่กำลังคุกรุ่น
กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้พบกันที่กรุงมอสโก ระหว่างวันที่ 20-22 มีนาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-รัสเซีย ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาคที่มีความสำคัญ และผลักดันความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างทั้งสองประเทศ
จีนเพิ่งปิดฉากการประชุมประจำปีของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและองค์กรที่ปรึกษาสูงสุดของประเทศ ซึ่งในการประชุมดังกล่าวรัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 2566 ไว้ที่ราว 5% โดยหลายฝ่ายคิดว่าเป็นการตั้งเป้าหมายแบบระมัดระวังทั้งที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และเมื่อเร็ว ๆ นี้ จีนก็เพิ่งเป็นคนกลางในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน ทำให้ทั้งสองประเทศกลับมาสานสัมพันธ์ทางการทูตกันอีกครั้ง
ในขณะที่จีนกำลังเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจโลกที่กำลังดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรค และจีนก็กำลังมีบทบาทมากขึ้นในสนามการเมืองโลก ประชาคมโลกต่างคาดหวังเป็นอย่างมากกับการพบกันระหว่างประธานาธิบดีจีนและรัสเซียในครั้งนี้
การเยือนเพื่อส่งเสริมสันติภาพของโลก
การเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง หลังจากรับตำแหน่งประธานาธิบดีจีนสมัยที่ 3 เมื่อต้นเดือน และยังเป็นการเยือนรัสเซียครั้งแรกนับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนเริ่มขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565
นายหวัง เหวินปิน (Wang Wenbin) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงข่าวว่า การเยือนครั้งนี้เป็นการเพิ่มความไว้วางใจและความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างสองประเทศ และยังเป็นการเยือนเพื่อเสริมสร้างสันติภาพอีกด้วย
นายหวังกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียตั้งอยู่บนหลักการของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด การไม่เผชิญหน้า และการไม่กำหนดบุคคลที่สามเป็นเป้า ด้วยพื้นฐานนี้ จีนและรัสเซียจะส่งเสริมแนวคิดโลกหลายขั้วและประชาธิปไตยที่ดีขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาและความก้าวหน้าของโลก
ส่วนการหารือเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนที่มีการคาดหวังกันสูงนั้น นายหวังกล่าวว่าจีนจะยังคงยึดเป้าหมายเดิมและวางตัวอย่างเหมาะในประเด็นนี้ ตลอดจนรับบทบาทที่สร้างสรรค์ในการส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ
ความสำเร็จของจีนในการสานสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านไม่เพียงพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการเจรจาสันติภาพเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในยูเครนได้เช่นเดียวกัน
คุณหยวน ซา (Yuan Sha) ผู้ช่วยนักวิจัยจากแผนกอเมริกันศึกษา สถาบันวิเทศศึกษาแห่งประเทศจีน (China Institute of International Studies) กล่าวว่า ด้วยความที่จีนมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับทั้งรัสเซียและยูเครน เชื่อว่าบทบาทการไกล่เกลี่ยอย่างสร้างสรรค์ของจีนสามารถคาดหวังได้ โดยความสำเร็จของจีนในการไกล่เกลี่ยกรณีซาอุดีอาระเบียและอิหร่านได้ทำให้จีนได้รับการยอมรับในฐานะคนกลางที่จริงใจและสร้างสรรค์
คุณหยวนกล่าวเสริมว่า จีนตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสันติภาพและอำนวยความสะดวกในการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนเสมอมา
การเยือนเพื่อสร้างความร่วมมือ มุ่งส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
"ยิ่งโลกวุ่นวายมากเท่าใด การก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงของความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น" นายจาง ฮั่นฮุย (Zhang Hanhui) เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้
กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า การเยือนรัสเซียครั้งนี้จะเป็นการเยือนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในด้านต่าง ๆ รวมถึงกระชับความร่วมมือระหว่างข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative หรือ BRI) กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (Eurasian Economic Union) และช่วยให้ทั้งสองประเทศบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาและฟื้นฟูตามลำดับ
นายซุย หงเจี้ยน (Cui Hongjian) ผู้อำนวยการแผนกยุโรปศึกษา สถาบันวิเทศศึกษาแห่งประเทศจีน กล่าวในโอกาสที่ปี 2566 เป็นวาระครบรอบ 10 ปีของข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่นำเสนอโดยจีนว่า รัสเซียคือหุ้นส่วนที่สำคัญของจีนภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และความร่วมมือที่เพิ่มมากขึ้นในภายภาคหน้าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ มากขึ้น
นายติง เสี่ยวซิง (Ding Xiaoxing) ผู้อำนวยการสถาบันยูเรเชียแห่งสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมสมัยของจีน (China Institutes of Contemporary International Relations) กล่าวว่า จีนและรัสเซียสามารถผลักดันโครงการในด้านต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน โดยความร่วมมือจีน-รัสเซียที่เติบโตอย่างมั่นคงจะช่วยอัดฉีดพลังบวกเพื่อผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นายจาง ฮั่นฮุย เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย กล่าวว่า ในปี 2565 การค้าทวิภาคีระหว่างจีนกับรัสเซียพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.9027 แสนล้านดอลลาร์ และกล่าวเสริมว่าการค้าพลังงานมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในการค้าทวิภาคี ขณะที่การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ของจีนไปยังรัสเซีย ก็มีการเติบโตอย่างมากเช่นกัน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รถไฟบรรทุกสินค้าจีน-ยุโรป ได้ออกเดินทางจากกรุงปักกิ่งมุ่งหน้าสู่กรุงมอสโก โดยรถไฟซึ่งบรรทุกสินค้ามากมายทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เสื้อผ้า และชิ้นส่วนยานยนต์ จะเดินทางไปถึงจุดหมายภายในเวลาประมาณ 18 วัน
"เราเชื่อว่าการค้าจีน-รัสเซีย จะพุ่งทำนิวไฮในปี 2566 และเรามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้าที่ระดับ 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ ตามเป้าหมายที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้กำหนดไว้" นายจางกล่าว
ขณะที่ความร่วมมือรอบด้านระหว่างทั้งสองประเทศกำลังเฟื่องฟูอยู่นี้ การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและวัฒนธรรมก็รุ่งเรืองเช่นกัน โดยประชาชนของทั้งสองประเทศกำลังฉลองปีแห่งแลกเปลี่ยนด้านกีฬาในปี 2566 นี้
https://news.cgtn.com/news/2023-03-19/Xi-s-Russia-visit-to-promote-world-peace-boost-global-development-1iiTVkGSItq/index.html