ที่เมืองหางโจว เป็นอีกครั้งที่จีนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งไม่เพียงแค่พิธีเปิดการแข่งขันมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 (19th Asian Games) สุดล้ำสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจิตวิญญาณของนักกีฬาที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและความสามัคคีของชาวจีนในการรวมตัวกันเพื่อให้เอเชียนเกมส์ครั้งนี้เป็นการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่สำหรับเอเชียและทั้งโลก นอกจากนี้แล้ว จีนยังประสบความสำเร็จในการใช้มหกรรมการแข่งขันกีฬาครั้งใหญ่นี้ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในจีนหลังจากยกเลิกมาตรการโควิด-19 ในการแสดงให้เห็นถึงความเปิดกว้าง การคำนึงถึงความหลากหลาย และการต้อนรับอย่างอบอุ่น
บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างกล่าวว่า พิธีอันตระการตาตลอดจนการจัดการที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีสำหรับมหกรรมกีฬาครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งของจีน ความแข็งแกร่งของชาติที่เพิ่มมากขึ้น และขีดความสามารถด้านนวัตกรรมระดับแถวหน้า
ในวันแรกของการแข่งขันเอเชียนเกมส์นั้น จีนคว้าเหรียญทองไปได้ 13 จากทั้งหมด 31 เหรียญด้วยกัน จากกีฬาพายเรือ, ยิงปืน, ปัญจกีฬาสมัยใหม่, วูซู และอื่น ๆ โดยทีมชาติจีนคว้าเหรียญทองแรกในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่หางโจว จากการแข่งขันกีฬาเรือกรรเชียงประเภท 2 ฝีพายหญิง รุ่นไลท์เวท ที่ศูนย์กีฬาทางน้ำฟูหยางเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (24 ก.ย.) ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาทีหลังจากเริ่มการแข่งขันในวันแรก
นับตั้งแต่การแข่งขันเอเชียนเกมส์ปี 2545 ที่เมืองปูซานของเกาหลีใต้นั้น ตัวแทนนักกีฬาทีมชาติจีนสามารถคว้าเหรียญทองแรกในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ได้ 6 ครั้งติดต่อกันในช่วงเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา
คุณราจา รานธีร์ ซิงห์ (Raja Randhir Singh) รักษาการประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) กล่าวกับหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ส (Global Times) ระหว่างการแถลงข่าวในวันอาทิตย์ว่า เขาประทับใจอย่างยิ่งกับเอเชียนเกมส์ที่หางโจว โดยเฉพาะพิธีเปิด การประสานงานระหว่าง OCA กับผู้จัดเอเชียนเกมส์ ตลอดจนเทคโนโลยีที่ใช้ เช่น บัตรประจำตัวแบบไร้สัมผัส
เมื่อกล่าวถึงพิธีเปิดการแข่งขันในคืนวันเสาร์ (23 ก.ย.) นั้น นายซิงห์ใช้คำว่า "มหัศจรรย์อย่างยิ่ง"
"สิ่งที่ผมอยากจะกล่าวเป็นพิเศษเลยก็คือสิ่งใหม่ที่สุดในครั้งนี้" นายซิงห์กล่าว "โดยปกติแล้ว คุณจะต้องพกบัตรผู้เข้าร่วมติดตัวไปทุกที่เพื่อสแกนแล้วรอ แต่ไม่ใช่ที่หางโจว"
ที่หางโจว ผู้เข้าร่วมทุกคนสามารถเดินผ่านทางเข้าออกที่ใดก็ได้ เพียงแค่มีบัตรประจำตัวแบบไร้สัมผัสห้อยคอ นายซิงห์กล่าว
พิธีอันตระการตา
เรื่องเอเชียนเกมส์กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์บนโซเชียลมีเดียของจีน โดยชาวเน็ตไม่ได้เพียงแต่ตามเชียร์ผลงานอันโดดเด่นของนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังชื่นชมพิธีเปิดที่ล้ำสมัย สร้างสรรค์ และน่าอัศจรรย์ใจอีกด้วย
ในขณะที่นักกีฬาจาก 45 ประเทศและภูมิภาคเดินเข้ามาในสนามนั้น หน้าจอบนพื้นก็เปลี่ยนโครงร่างเป็นรูปพัดจีนต้อนรับพวกเขาด้วยกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของเจียงหนาน กลองดอกไม้หอมหมื่นลี้ดังระรัวเร้าความตื่นเต้น พร้อมด้วยดนตรีพื้นบ้านของจีนที่บรรเลงเพื่อส่งแรงเชียร์ให้กับนักกีฬา ในขณะที่ผู้ชมในสนามต่างปรบมือต้อนรับนักกีฬาจากทั่วเอเชีย
จากนั้นได้มีการแสดงที่นำเสนออัตลักษณ์ความเป็นจีน ผสมผสานกับองค์ประกอบจีนโบราณ เช่น "เครื่องดนตรีกู่ฉิน, หมากรุกจีน, อักษรวิจิตร, จิตรกรรม, บทกวี, ไวน์ และชา" เป็นของประกอบการแสดง จากนั้นภาพโคมไฟวีอาร์ (VR) และเออาร์ (AR) เสมือนจริงก็โบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความสามัคคีของชาวเอเชียทั้งผอง
ภายหลังจากการนำเสนอสุดตระการตา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปะทะกันของกระแสธารของอัตลักษณ์ประจำชาติจีน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กีฬา กับกระแสธารแห่งกาลเวลา กระถางคบเพลิงก็ถูกจุดขึ้นโดยหวัง ชุน (Wang Shun) นักว่ายน้ำแชมป์โอลิมปิก และ "ผู้ถือคบเพลิงดิจิทัล" (Digital Torchbearer) อีกกว่า 100 ล้านคน
โกลบอลไทม์สพบว่า การวิ่งคบเพลิงทางออนไลน์ของ "ผู้ถือคบเพลิงดิจิทัล" นั้นมีขึ้นไปพร้อมกันกับการวิ่งคบเพลิงจริง โดยก่อนพิธีเปิดจะเริ่มขึ้น จำนวน "ผู้ถือคบเพลิงดิจิทัล" ทางออนไลน์ของเอเชียนเกมส์ทะลุ 104 ล้านราย
คุณเอบาดี ยากูบ (Ebadi Yaghoub) นักข่าวจากซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยกับทางโกลบอลไทม์สเมื่อวันเสาร์ว่า มันจะต้องมีความพิเศษบางอย่างหากการแข่งขันกีฬาจัดขึ้นในจีน พิธีเปิดทำให้เขาตื่นเต้น โดยเฉพาะในส่วนของ "ผู้ถือคบเพลิงดิจิทัล"
"จีนมักจะนำเสนอสิ่งที่ไม่เหมือนใครอยู่เสมอ" คุณยากูบกล่าว โดยระบุว่าเขาตกตะลึงอย่างยิ่งกับการผสมผสานระหว่างประเพณีโบราณกับนวัตกรรมสมัยใหม่
ศาสตราจารย์จาง อี๋หวู่ (Zhang Yiwu) จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมศึกษา กล่าวกับโกลบอลไทม์สเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ไอเดีย "ผู้ถือคบเพลิงดิจิทัล" 100 ล้านคนนั้นสะท้อนแนวคิดที่ว่า การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ผูกพันใกล้ชิดกับคนธรรมดานับล้านทั่วเอเชีย คนธรรมดาหลายล้านคนต่างก็มีส่วนร่วมกับการแข่งขันนี้และยังร่วมกันสร้างช่วงเวลาที่แสนมหัศจรรย์ขึ้นมา
คุณหลง (Long) ชาวเมืองหางโจว กล่าวกับโกลบอลไทม์สเมื่อวันอาทิตย์ว่า "พลุดิจิทัลนั้นน่าทึ่งมาก มันผสมผสานทั้งเอเชียนเกมส์สำหรับทุกคนและเอเชียนเกมส์แบบดิจิทัลเข้าด้วยกัน ไอเดียดี แต่เทคโนโลยีของเราต่างหากที่ทำให้มันเกิดขึ้นจริง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเมืองหางโจวบ้านเกิดของฉัน ซึ่งก็เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีแห่งใหม่ของจีน นี่ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจจริง ๆ"
แฮชแท็ก "พิธีเปิดการแข่งขันเอเชียนเกมส์" มียอดอ่านมากกว่า 670 ล้านครั้งบนเวยป๋อ (Weibo) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน ณ เวลาแถลงข่าว ชาวเน็ตรายหนึ่งเขียนว่า การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงความเป็นเลิศ ความเคารพ และมิตรภาพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขันกีฬาทุกประเภทเท่านั้น แต่ยังแสดงจิตวิญญาณของเอเชียที่แสวงหาสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
ชาวเน็ตอีกรายกล่าวว่า พิธีเปิดแสดงให้เห็นความงดงามของหางโจว ซึ่งเป็นเมืองประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนที่มีชื่อเสียง ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงธรรมเนียมการต้อนรับอันอบอุ่น การเปิดกว้าง และความอดทนอดกลั้นของหางโจวและจีน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของอารยธรรมจีน
ผู้ใช้แพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) บางรายชื่นชมการแสดงคบเพลิงดิจิทัลและดอกไม้ไฟดิจิทัล โดยระบุว่าเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเงินและทำให้การแข่งขันกีฬาระดับโลกมีความยั่งยืนในเชิงเศรษฐกิจมากขึ้น บางคนถึงกับเรียกร้องให้มหกรรมกีฬาโอลิมปิกปารีส 2024 นำไอเดียในลักษณะเดียวกันนี้มาใช้
ความสามัคคีและการต้อนรับที่น่าประทับใจ
ศาสตราจารย์จางกล่าวว่า ความสำคัญของการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติไม่เพียงแต่จัดหาสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักกีฬาที่จะแข่งขันกันเท่านั้น แต่ยังแสดงความแข็งแกร่งของประเทศเจ้าภาพออกสู่สายตาชาวโลกด้วย
ศาสตราจารย์หลี่ ไห่ตง (Li Haidong) จากมหาวิทยาลัยการต่างประเทศจีน (China Foreign Affairs University) กล่าวกับโกลบอล ไทมส์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า เอเชียนเกมส์ไม่เพียงแต่แสดงถึงความแข็งแกร่งโดยรวมของจีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการต้อนรับอันอบอุ่นของชาวจีนต่อแขกและคนทั่วโลกอีกด้วย การที่ผู้นำและผู้แทนจากต่างประเทศเข้าร่วมงานอย่างกว้างขวางไม่เพียงแต่แสดงถึงความสามัคคีในหมู่ชาติเอเชียเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการยอมรับในวงกว้างสำหรับบทบาทของจีนในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติและด้านการต่างประเทศอื่น ๆ โดยตอกย้ำความเต็มใจของประเทศเหล่านี้ที่จะประสานงานและร่วมมือกับจีนเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของมนุษย์