ผลการสำรวจผู้จัดการกองทุนของเมอร์ริลลินช์ชี้เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น

ข่าวต่างประเทศ Thursday February 19, 2009 11:58 —Asianet Press Release

นิวยอร์ก และ ลอนดอน--19 ก.พ.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์ นักลงทุนมีความหวังเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนับตั้งแต่เกิดวิกฤตสินเชื่อ ผลการสำรวจผู้จัดการกองทุนของเมอร์ริลลินช์ประจำเดือนเดือนกุมภาพันธ์บ่งชี้ว่า ทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของจีนมีส่วนช่วยฟื้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจทั่วโลก (โลโก้: http://www.newscom.com/cgi-bin/prnh/20090218/CLW006LOGO ) โดยขณะนี้ นักลงทุนกำลังมีความหวังสูงสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจปีนี้นับตั้งแต่วิกฤตการณ์สินเชื่อได้เริ่มปะทุขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2007 ดังเห็นได้จากจำนวนผู้ที่คาดการณ์ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะเลวร้ายลงในช่วง 12 เดือนข้างหน้านั้น ลดลงเหลือ -6% เปรียบเทียบกับระดับ -24% ในเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่รับรู้ว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอยแล้ว ดูเหมือนความกลัวว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะยืดเยื้อยาวนานได้เริ่มจางลง โดยนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตในอัตราชะลอตัวในช่วง 12 เดือนข้างหน้านั้น ลดลงอย่างมากแตะ 21% ในเดือนกุมภาพันธ์จากจำนวนสุทธิ 70% ในเดือนมกราคม เช่นเดียวกับทัศนคติในเชิงลบอย่างรุนแรงเกี่ยวกับแนมโน้มผลประกอบการของบริษัทเอกชนก็เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ 43% คาดว่าจะเห็นกำไรลดลงในปีหน้า ซึ่งลดลงจากระดับ 63% ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ 49% ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงตลอดระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า เปรียบเทียบกับ 64% ในเดือนมกราคม และ 82% ในเดือนธันวาคม "ความคาดหวังของผู้จัดการกองทุนสำหรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนแตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007 และความหวังของคนทั้งโลกในตอนนี้ขึ้นอยู่กับประเทศจีน" Michael Hartnett ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์สากลด้านการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ของ Banc of America Securities-Merrill Lynch Research กล่าว สินค้าโภคภัณฑ์กำลังจะกลับมาเมื่อนักลงทุนเริ่มจัดสรรการลงทุนมายังหุ้นที่ขึ้นลงตามวัฏจักร (Cyclicals) สินค้าโภคภัณฑ์ได้รับแรงซื้ออย่างคึกคักในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาในแง่ของการเปลี่ยนแปลงการจัดสรรการลงทุน โดยนักลงทุนที่ถือโพสิชั่นกลุ่มโภคภัณฑ์ซึ่งถูกลดน้ำหนักการลงทุนมีอยู่ 15% ลดลงจาก 32% ในเดือนธันวาคม การลงทุนในพันธบัตรถูกลดน้ำหนักลงไปแตะระดับเดียวกับเดือนธันวาคมที่ 34% นักลงทุนได้ถอนการลงทุนกลับออกจากภาคการลงทุนเชิงรับและย้ายเงินทุนสู่ภาคที่มีการหมุนเวียนมากยิ่งขึ้น นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มการสื่อสาร ประกันภัย สิ่งทอ และสาธารณูปโภค ขณะเดียวกันก็เพิ่มการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี พลังงาน วัตถุดิบ อุตสาหกรรม และกลุ่มที่มีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง "ความกล้าเสี่ยงมากขึ้น ความเชื่อมั่นในสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น และมูลค่าที่สูงขึ้น อาจกระตุ้นการลงทุนในกลุ่มพลังงานและวัตถุดิบ เรามองว่าปัจจัยนี้จะมีบทบาทมากกับสินทรัพย์ในสกุลเงินปอนด์" Gary Baker หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในภูมิภาค EMEA ของ Banc of America Securities-Merrill Lynch กล่าว สหรัฐกำลังได้รับความนิยม ผกผันกับการลงทุนในญี่ปุ่น ความกระหายการลงทุนในหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ฟื้นคืนมาอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจเป็นเพราะความเคลื่อนไหวที่ย่ำแย่ของตลาดในเดือนมกราคม การเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของสหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ในเดือนนี้ จาก 7% ในเดือนที่แล้ว โดยสหรัฐได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มที่ว่าจะทำกำไรได้ดีที่สุด และ 31% ของผู้ตอบแบบสำรวจต้องการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นของสหรัฐในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า ในทางกลับกัน การลงทุนในหลักทรัพย์ของญี่ปุ่นได้ตกลงอย่างมาก โดยมีนักลงทุนที่ถือหุ้นซึ่งถูกลดน้ำหนักความน่าลงทุนลงอยู่ที่ 26% เปรียบเทียบกับ 15% ในเดือนมกราคม ทั้งที่ตามปกติแล้ว นักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นที่ดีในหุ้นของญี่ปุ่น นอกจากนี้ หุ้นของญี่ปุ่นยังได้รับผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งเกินไปด้วย ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าเงินเยนแข็งเกินกว่าเงินยูโร ความเห็นต่อเงินยูโรนั้นค่อนข้างเป็นกลาง ขณะที่เศรษฐกิจมหภาคส่วนภูมิภาคนั้นค่อนข้างดี "การคาดการณ์การขยายตัวของประเทศในกลุ่มยุโรปกลับมาอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 12 เดือนในเดือนกุมภาพันธ์" Baker กล่าว "แต่ตรงข้ามกับภาพรวมของโลก จำนวนของผู้จัดการพอร์ทการลงทุนชาวยุโรปให้น้ำหนักไปที่เงินสดจนแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2001" การสำรวจผู้จัดการกองทุน ผู้จัดการกองทุนจำนวน 212 คนซึ่งบริหารพอร์ทการลงทุนรวม 5.99 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าร่วมในการสำรวจระดับโลกนี้ระหว่างวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ถึง 12 กุมภาพันธ์ และผู้จัดการจำนวน 177 คน ซึ่งบริหารหลักทรัพย์มูลค่า 3.72 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าร่วมในการสำรวจระดับภูมิภาค การสำรวจได้รับการจัดทำโดย Banc of America Securities-Merrill Lynch Research ด้วยความร่วมมือของบริษัทผู้ให้บริการด้านการวิจัยตลาด Taylor Nelson Sofres (TNS) ผ่านเครือข่ายนานาชาติในกว่า 50 ประเทศ TNS ให้บริการข้อมูลด้านการตลาดในประเทศต่างๆ กว่า 80 ประเทศกับองค์กรระดับประเทศและองค์กรข้ามชาติ TNS เป็นกลุ่มผู้ให้บริการด้านข้อมูลการตลาดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอับดับสี่ของโลก แบงก์ ออฟ อเมริกา แบงก์ ออฟ อเมริกา เป็นสถาบันการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ให้บริการแก่ลูกค้ารายบุคคล ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบถ้วนด้านการธนาคาร การลงทุน การบริหารสินทรัพย์ และการบริหารความเสี่ยงและการบริหารทางการเงินอื่นๆ บริษัทเสนอความสะดวกสบายที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ในสหรัฐฯ ด้วยการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็กมากกว่า 59 ล้านราย โดยมีสำนักงานของธนาคารมากกว่า 6,100 สาขา มีตู้เอทีเอ็มมากกว่า 18,700 แห่ง และเสนอบริการออนไลน์แบงกิ้งซึ่งได้รับรางวัลให้แก่ผู้ใช้บริการมากกว่า 29 ล้านราย ทั้งนี้ ภายหลังการซื้อกิจการ เมอร์ริล ลินช์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2009 แบงก์ ออฟ อเมริกา ก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำของโลกในด้านการบริหารความมั่งคั่ง และเป็นผู้นำระดับโลกในด้านวาณิชธนกิจและธนาคารสำหรับองค์กรธุรกิจ รวมทั้งการซื้อขายสินทรัพย์ทุกระดับสำหรับองค์กรธุรกิจ รัฐบาล สถาบัน และรายย่อยทั่วโลก แบงก์ ออฟ อเมริกา ให้บริการสนับสนุนทางอุตสาหกรรมชั้นนำแก่เจ้าของกิจการขนาดย่อมมากกว่า 4 ล้านราย ผ่านทางนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการบริการออนไลน์ที่ง่ายต่อการใช้งาน บริษัทได้ให้บริการแก่ลูกค้าในมากกว่า 150 ประเทศ หุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก บริการต่างๆของธนาคารแก่ลูกค้าองค์กรและสถาบันนั้นเป็นการให้บริการผ่านบริษัทย่อยในสหรัฐและสหราชอาณาจักร ซึ่งได้แก่ Banc of America Securities LLC, Banc of America Securities Limited, Merrill Lynch, Pierce, Fenner and Smith Incorporated และ Merrill Lynch International สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ www.bankofamerica.com เมอร์ริล ลินช์ เมอร์ริล ลินช์เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในด้านการบริหารความมั่งคั่ง ตลาดทุน และการให้คำปรึกษา โดยมีสำนักงานอยู่ใน 40 ประเทศและเขตการค้า และมีสินทรัพย์ของลูกค้ารวมประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 26 กันยายน 2008 ในฐานะวาณิชธนกิจ เมอร์ริล ลินช์เป็นเทรดเดอร์และอันเดอร์ไรท์เตอร์ระดับชั้นนำของโลกที่ทำการอันเดอร์ไรท์หลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ในกลุ่มประเภทสินทรัพย์ต่างๆ และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ให้กับบริษัท รัฐบาล สถาบัน และนักลงทุนรายย่อยทั่วโลก เมอร์ริลลินช์ถือครองหุ้นประมาณร้อยละ 50 ใน BlackRock Inc. ซึ่งเป็นบริษัทบริหารการลงทุนในหุ้นมหาชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยสินทรัพย์ประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้การบริการจัดการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2008 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมอร์ริล ลินช์ กรุณาเยี่ยมชมที่ www.ml.com เมอร์ริล ลินช์ ได้ถูก เข้าซื้อกิจการโดยแบงก์ ออฟ อเมริกา เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2009 แหล่งข่าว Banc of America Securities-Merrill Lynch Research ติดต่อ: Banc of America Securities-Merrill Lynch Research Susan McCabe Walley โทร: +1-212-449-0389 อีเมล์: susan_mccabe@ml.com หรือ Tomos Rhys Edwards โทร: +44-20-7995-2763 อีเมล์: tomos_edwards@ml.com รูปภาพ: นิวส์คอม: http://www.newscom.com/cgi-bin/prnh/20090218/CLW006LOGO --เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net ) --

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ