ผลสรุปยืนยันยากลุ่ม Aromatase Inhibitors อาทิ ยา Arimidex ให้ผลลัพธ์ได้ดีกว่ายา Tamoxifen

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 1, 2006 14:31 —Asianet Press Release

แมคเคลสฟิลด์, อังกฤษ--1 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
คณะผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านมเห็นพ้องว่า การตรวจพบโรคมะเร็งเต้านมในระยะแรกเพิ่มโอกาสรักษาหาย พ่วงการรักษาที่ต่อเนื่อง
ในวันนี้ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านมในระดับแนวหน้า ชี้แนะว่า การใช้ยา tamoxifen เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งยาดังกล่าวถูกระบุว่าเป็น "มาตรฐานชั้นยอด" ในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านมที่มีผลต่อฮอร์โมนนั้น ไม่ถือเป็นทางเลือกในรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนที่เป็นโรคมะเร็งเต้านมที่มีผลต่อฮอร์โมนในระยะแรกเริ่มอีกต่อไป การแสดงความคิดเห็นระดับโลกในครั้งนี้ได้มีการตีพิมพ์ลงในหนังสือ Current Medical Research and Opinion ในวันนี้ พร้อมกับแนะนำจากคณะแพทย์ว่า พวกเขาควรออกใบสั่งยากลุ่ม aromatase inhibitors (AIs) อาทิ ยา ARIMIDEX (anastrozole) เพื่อป้องกันไม่ให้โรคฟื้นกลับมาอีกและช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สภาผู้เชี่ยวชาญด้านยากลุ่ม aromatase inhibitor ระหว่างประเทศ (International Aromatase Inhibitor Expert Panel) ซึ่งประกอบไปด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งเต้านมระดับแนวหน้า 24 ท่านจากทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จีน และบราซิล มีความเห็นพ้องต้องกันว่า การรักษาภายหลังการผ่าตัดที่ประสบความสำเร็จ จะช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งในระยะแรกเริ่มมีโอกาสรักษาอาการให้หายได้ และควรมีการสั่งยากลุ่ม AIs อาทิ ยา anastrozole ในฐานะยาที่ใช้บำบัดรักษาที่น่าพึงพอใจ
"ในช่วง 3 ปีที่แล้ว มีข้อมูลใหม่ๆเข้ามามากมายเกี่ยวกับการใช้ยากลุ่ม aromatase inhibitors ในผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก และขณะที่มีการมองว่าเป็นข่าวดีนั้น ข่าวดังกล่าวก็สร้างความสับสนครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คณะแพทย์กำลังมองหาแนวทางที่ชัดเจนว่าการปล่อยให้ผู้ป่วยยังคงใช้ยา tamoxifen แทนยากลุ่ม AI นั้นถือเป็นทางที่ดีกว่าจริงหรือไม่ แนวทางจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งเต้านมระดับหัวกระทิได้มีการตีพิมพ์แล้วในวันนี้ เพื่อช่วยให้ความกระจ่างว่าการใช้ยากลุ่ม AI เป็นแนวทางที่ดีที่สุดในภาคปฏิบัติทุกๆวัน ขณะนี้เราสามารถมั่นใจได้ว่าเราได้ให้การรักษาที่ดีที่สุดกับผู้ป่วยของเรา เราควรใช้ยากลุ่ม aromatase inhibitor โดยเร็วที่สุด" ดร.อามาน บุซดาร์ แห่งศูนย์มะเร็งแอนเดอร์สัน เอ็มดี มลรัฐเท็กซัส แสดงความคิดเห็นพร้อมด้วยสมาชิกสภา
เอกสารแสดงความคิดเห็นระดับโลกได้ก่อให้เกิดแนวทางที่มีพลังสำหรับแพทย์ที่กำลังเผชิญกับการตัดสินใจเรื่องการรักษาเพื่อเป็นพื้นฐานประจำวันให้กับผู้ป่วยของพวกเขา สภาได้ทำการทบทวนข้อมูลจากการทดสอบด้านการรักษาด้วยยากลุ่ม AI ที่ใช้รักษามะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก ด้วยเป้าหมายที่จะจัดหา "การตีความผลกระทบของข้อมูลเหล่านี้ที่มีต่อภาคปฏิบัติในปัจจุบันอย่างสมเหตุสมผล" ้ผลสรุปที่ทำได้ดีเกินคาดของข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงแต่ระบุว่าผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยครั้งใหม่ว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรกที่มีผลต่อฮอร์โมนควรได้รับยากลุ่ม AI หลังการผ่าตัดในเบื้องต้นเท่านั้น แต่ยังระบุว่าผู้หญิงที่ได้รับการรักษาด้วยยา tamoxifen แล้วนั้น ควรเปลี่ยนไปรับการรักษาด้วยยากลุ่ม AI
คำแนะนำที่อยู่บนพื้นฐานของหลักฐาน
ในแถลงการณ์ที่ระบุถึงการแสดงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีการตีพิมพ์ในวันนี้นั้น สภาได้แสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานของหลักฐานที่มีมากมาย รายงานสรุปเกี่ยวกับการค้นพบครั้งใหญ่มีดังนี้
-- ยากลุ่ม AI ใช้ได้ดีกว่ายา tamoxifin และเป็นทางเลือกด้านการรักษาในผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนที่เป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรกที่มีผลต่อฮอร์โมน ในผู้ป่วยที่มีการวินิจฉัยโรคครั้งใหม่นี้ ยากลุ่ม AI ได้รับการพิจารณาว่าเป็นแนวทางบำบัดรักษาที่น่าพอใจ และผู้ป่วยที่ได้รับยา tamoxifen นั้น ควรเปลี่ยนไปใช้ยากลุ่ม AI
- แม้ว่ายา tamoxifen ที่ใช้รักษาในระยะเวลา 5 ปีได้เป็นมาตรฐานของการรักษามาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว และยังคงเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย ไม่มีผู้ป่วยกลุ่มย่อยที่จะไม่ได้รับประโยชน์จากการรักษาด้วยยาเสริมเบื้องต้นอย่างกลุ่มยา AI
-- ผลร้ายในด้านนรีเวชศาสตร์ที่ได้รับรายงานมีปริมาณที่ลดลงอย่างชัดเจน เมื่อมีการใช้กลุ่มยา Ais เปรียบเทียบกับ tamoxifen ผลร้ายในด้านนรีเวชศาสตร์หลักๆที่ใช้ tamoxifen เกิดขึ้นระหว่างการรักษา 2 ปี 5 เดือนแรก และเป็นสาเหตุให้มีผลต่อการยอมรับการรักษาของผู้ป่วย
-- ความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับการรักษาด้วย tamoxifen คือการแข็งตัวของหลอดเลือด อาการทางหัวใจ และมะเร็งเยื่อบุมดลูก ไม่สามารถเฝ้าสังเกตหรือคาดการได้ในผู้ป่วยเฉพาะราย เรื่องนี้เป็นความแตกต่างอย่างยิ่งระหว่างการจัดการให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาเสริมด้วย tamoxifen หรือ AIs ด้วยการจ่ายยา AI แพทย์สามารถมั่นใจได้ว่าพวกเขาได้ให้โอกาสที่ดีที่สุดแก่คนไข้ในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากมะเร็งได้ยาวนานขึ้น โดยไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงซึ่งส่งผลถึงชีวิตอย่างรุนแรง
--AIs เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคกระดูกเปราะเมื่อเทียบกับ tamoxifen อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในขณะนี้ปัญหากระดูกที่เกี่ยวกับ AIs สามารถคาดการได้และจัดการได้
รายงานสรุปตรงกันกับการตีพิมพ์ข้อมูลที่ครบถ้วนจากการทดลอง ATAC* ใน Lancer Oncology (2) ยา anastrozole เป็นเพียงยาเดียวในกลุ่ม AI ที่มีความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์และข้อมูลที่ยอมรับได้ เช่นเดียวกับความเสี่ยงที่เป็นไปได้ ประวัติข้อดีเมื่อเปรียบเทียบกับ tamoxifen สำหรับระยะเวลาการรักษา 5 ปีเต็มผลการทดสอบสนับสนุนต่อไปถึงการค้นพบของพาเนล และเพิ่มพื้นฐานหลักฐานสำหรับ AIs โดยเฉพาะยา anastrozole เป็นการรักษาที่เหมาะกว่าสำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ป่วยเป็นมะเร็งทรวงอกซึ่งมีฮอร์โมนที่อ่อนไหว
"แม้ว่า tamoxifen ได้รับใช้เราอย่างยอดเยี่ยมมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปี ถ้าหากเราต้องการให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งทรวงอก นี่เป็นเวลาที่เราควรพิจารณา AI" ศาสตราจารย์ โรวัน ชเลโบสกี้ จากศูนย์การแพทย์ Harbor-UCLA ในแคลิฟอร์เนีย และสมาชิกของพาเนล อธิบาย "ข้อมูลที่สนับสนุน AIs และสำหรับ anastrozole มีเป็นจำนวนมาก จึงไม่เป็นที่สงสัยอีกต่อไปว่า tamoxifen ไม่ได้เป็นมาตรฐานสำคัญในการรักษาผู้หญิงเหล่านี้อีกต่อไป"
รายงานสรุปฉบับเต็มสามารถดูได้ที่หัวข้อ Current Medical Research and Opinion ในเว็บไซต์ http://www.cmrojournal.com นอกจากนี้ข้อมูลครบถ้วนที่ได้รับการเผยแพร่จากการทดลอง ATAC สามารถอ่านได้ที่เว็บไซต์ของ Lancet Oncology http://oncology.thelancet.com
แอสตร้าซีนีก้า เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพรายใหญ่ระดับนานาชาติ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย การพัฒนา การผลิต และการทำตลาดด้านใบสั่งเวชภัณฑ์ รวมทั้งการให้บริการด้านสุขภาพ บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกด้วยยอดขายมากกว่า 2.395 หมื่นล้านดอลลาร์ อีกทั้งยังเป็นผู้นำในด้านการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หลอดเลือดหัวใจ ระบบประสาท ทางเดินหายใจ เนื้องอก และการติดเชื้อ ทั้งนี้ แอสตร้าซีนีก้ามีชื่อจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นดาวโจนส์ และตลาดหุ้น FTSE4Good
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา
http://www.astrazenecpressoffice.com
บันทึกถึงบรรณาธิการ
*ATAC-'ARIMIDEX' Tamoxifen การใช้เดี่ยวหรือผสมผสาน
หลายปีที่ผ่านมา การศึกษาหลายชิ้นได้รับการตีพิมพ์โดยมุ่งเน้นประวัติประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องของ tamoxifen และยายับยั้งกลุ่ม aromataseในฐานะที่เป็นการรักษาสำหรับผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งทรวงอกในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ขณะนี้ การโต้เถียงเกิดขึ้นในการทดลองที่มี tamoxifen เปรียบเทียบกับ Ais ในฐานะที่เป็นการรักษาอันดับแรก การสับเปลี่ยนและความต่อเนื่องของกลยุทธ์ รวมทั้งการขยายการรักษา
เดือนธันวาคม 2548 กลุ่มผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งทรวงอก 24 รายจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ออสเตรเลีย เบลเยียม สวีเดน จีน และบราซิล หารือกันในการทบทวนข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากากรทดสอบหลักในการตรวจสอบ tamoxifen และ Ais รุ่นที่ 3 ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนซึ่งใช้ tamoifen เป็นการรักษาต่อมที่แยกเข้าไปในเลือดที่ดีที่สุด ข้อมูลจาก ATAC(3) BIC 1-98(4) MA.17(5) IES(6) ITA(7) การทดลอง ABCSG 8 (8) และการทดลอง ARNO 95(8) ได้รับการพิจารณาให้ถ่ายทอดผลของข้อมูลเหล่านี้เกี่ยวกับการปฏิบัติล่าสุดและเน้นในบริเวณที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบต่อไป
อ้างอิง:
1. Buzdar A, Chlebowski R, Cuzick J et al. Defining the role of aromatase inhibitors in the adjuvant endocrine treatment of early breast cancer. Curr Med Res Opin 2006;22(8):1575-85
2. The ATAC Trialists' Group. Comprehensive side-effect profile of anastrozole and tamoxifen as adjuvant treatment for early-stage breast cancer: long-term safety analysis of the ATAC trial. < http://oncology.thelancet.com >. Published online 19 July, 2006
3. ATAC Trialists' Group. Results of the ATAC (ARIMIDEX, Tamoxifen, Alone or in Combination) trial after completion of 5 years' adjuvant treatment for breast cancer. Lancet 2005;365:60-2
4. Thurlimann B, Keshaviah A, Coates A, et al. A comparison of letrozole and tamoxifen in postmenopausal women with early breast cancer. N Engl J Med 2005;353:2747-57
5. Goss PE, Ingle JN, Martino S, et al. A randomized trial of letrozole in postmenopausal women after five years of tamoxifen therapy for early-stage breast cancer. N Engl J Med 2003;349:1793-802
6. Coombes RC, Hall E, Gibson LJ, et al. A randomized trial of exemestane after two to three years of tamoxifen therapy in postmenopausal women with primary breast cancer. N Engl J Med 2004;350:1081-92
7. Boccardo F, Rubagotti A, Puntoni M, et al. Switching to anastrozole versus continued tamoxifen treatment of early breast cancer: preliminary results of the Italian Tamoxifen Anastrozole trial. J Clin Oncol 2005;23:5138-47Jakesz R, Samonigg H, Greil R et al. Extended adjuvant treatment with anastrozole: results from the Austrian Breast and Colorectal Cancer Study Group Trial 6a (ABCSG-6a). J Clin Oncol (Meeting Abstracts) 2005;23:10s, abs 527
8. Jakesz R, Jonat W, Gnant M, et al. Switching of postmenopausal women with endocrine-responsive early breast cancer to anastrozole after 2 years' adjuvant tamoxifen: combined results of ABCSG trial 8 and ARNO 95 trial. Lancet 2005;366:455-62
ที่มา: แอสตร้าซีนีก้า
ติดต่อ: ลินน์ แกรนท์
ผู้อำนวยการประชาสัมพันธ์สากล เนื้องอกวิทยาของแอสตร้าซีนีก้า
โทร.สายตรง +44-0-1625-517-406
โทรศัพท์เคลื่อนที่ +44-0-7715-484-917
Lynn.Grant@Astrazeneca.com
หรือ
ซาร่า ซิงเกอร์
ไชร์ เฮลท์ อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร.สายตรง +44-0-20-7108-6521
โทรศัพท์เคลื่อนที่ +44-0-7881-810-328
Sara.singer@shirehealthinternational.com < mailto:Sara.singer@shirehealthinternational.com >
เว็บไซต์: < http://www.astrazenecapressoffice.com >
< http://www.cnrojournal.com >
< http://oncology.thelancet.com >
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ