โตเกียว--22 ก.ค.--เกียวโด เจบีเอ็น/ อินโฟเควสท์
เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ป หรือ เอ็นทีที คอม (NTT Communications Corp.: NTT Com) ประกาศว่า บริษัทจะเปิดศูนย์ข้อมูลระดับพรีเมียมในเวียดนามและสิงคโปร์ รวมถึงเปิดตัวบริการใหม่ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ข้อมูลหลักหลายแห่งได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ภายใต้กลยุทธ์ใหม่ในการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
เอ็นทีที คอม พัฒนาความเป็นผู้นำสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรในเอเชียมาโดยตลอด ด้วยการเปิดสำนักงานและศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติม ขยายบริการด้านโครงข่ายและบริการคลาวด์ และให้บริการเอาท์ซอร์สในสิงคโปร์ โดยเอ็นทีที คอม หวังว่าการประกาศเปิดตัวศูนย์ข้อมูลและบริการใหม่ในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาโซลูชั่นไอซีทีระดับเวิลด์คลาส รวมถึงบริการที่เปี่ยมคุณภาพสำหรับลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติที่มีสำนักงานหลายแห่งในเอเชีย
ศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในเวียดนาม
ศูนย์ข้อมูลโฮจิมินห์ซิตี (Ho Chi Minh City Data Center) จะเปิดตัวในฐานะศูนย์ข้อมูลระดับพรีเมียมกลางใจเมืองในไตรมาส 3 ของปีพ.ศ.2554 และจะเป็นศูนย์ข้อมูลแห่งที่ 2 ในเวียดนามของเอ็นทีที คอม ต่อจากศูนย์ข้อมูลทังลอง (Thang Long Data Center) ในฮานอย โดยศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่นี้จะได้รับการออกแบบ ก่อสร้าง และบริหารงานโดยบริษัท โกลบอล ดาต้า เซอร์วิส เจเอสซี หรือ จีดีเอส (Global Data Service JSC: GDS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเอ็นทีที คอม กับ เวียดนาม โพสต์ส แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ กรุ๊ป หรือ วีเอ็นพีที (Vietnam Posts & Telecommunications Group: VNPT) ของรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่สุดในเวียดนาม และเพื่อให้มีไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศใช้ในช่วงที่ไฟดับเป็นเวลานาน ทั้งโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ทางศูนย์ข้อมูลจะมีการติดตั้งระบบสำรองไฟ ระบบทำความเย็น และระบบเครือข่าย ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่นี้จะช่วยให้จีดีเอสสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ครบสมบูรณ์ รวมถึงข้อมูลระดับพรีเมียมและเครือข่ายคุณภาพสูงให้กับลูกค้าได้
ศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในสิงคโปร์
ศูนย์ข้อมูลสิงคโปร์เซรางกูน (Singapore Serangoon Data Center) จะเปิดให้บริการในฐานะศูนย์ข้อมูลระดับพรีเมียมในช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2555 โดยศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ซึ่งได้รับการออกแบบโดยเอ็นทีที คอม จะก่อสร้างและบริหารงานโดย เอ็นทีที เวิลด์ไวด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ป (NTT Worldwide Telecommunications Corp.) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดซื้อและบริหารศูนย์ข้อมูลทั่วโลกสำหรับเอ็นทีที คอม กรุ๊ป ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้จะตอบสนองความต้องการเฉพาะของบริษัทข้ามชาติที่ทำธุรกิจด้านไอทีและการเงินซึ่งต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่มีคุณภาพสูงและพร้อมทำงานตลอดเวลา ศูนย์ข้อมูลสิงคโปร์เซรางกูนจะมีระบบสำรองไฟ ระบบทำความเย็น และเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า สำหรับเวลาเกิดไฟดับหรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ นอกจากนั้น เอ็นทีที คอม ยังเชื่อว่าศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่นี้จะได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลก อาทิ มาตรฐานความเป็นผู้นำด้านการออกแบบเพื่อพลังงานและสิ่งแวดล้อม (LEED), มาตรฐานตามระบบจัดอันดับอาคารสีเขียวของสภาการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (USGBC) และรางวัล BCA Green Mark ซึ่งเป็นโครงการของสำนักงานการก่อสร้างแห่งสิงคโปร์ (BCA) ที่มอบรางวัลให้กับอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งศูนย์ข้อมูลสิงคโปร์เซรางกูนและโฮจิมินห์ซิตีจะดำเนินงาน ให้บริการ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตามมาตรฐานศูนย์ข้อมูลระดับเวิลด์คลาสของเอ็นทีที คอม ซึ่งมีบรรทัดฐานเดียวกันทั่วโลก ปัจจุบันบริษัทมีมาตรฐานราว 360 ประการซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้งโดยอ้างอิงจากข้อมูลการปฏิบัติงาน ผลตอบรับจากลูกค้า รวมถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากนั้นมาตรฐานของเอ็นทีที คอม ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับองค์กรระดับโลกหลายแห่ง อาทิ สมาคมอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (TIA), สถาบัน Uptime Institute, Inc. (TUI) และสมาคม American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers, Inc. (ASHRAE)
บริการใหม่ด้านการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูล
บริการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูลคือบริการสำคัญลำดับที่สองภายใต้กลยุทธ์ใหม่ที่เอ็นทีที คอม กำหนดขึ้นเพื่อขยายบริการโซลูชั่นไอซีทีระดับเวิลด์คลาส และยกระดับคุณภาพการให้บริการในเอเชีย โดยบริการดังกล่าวจะใช้เครือข่ายหลักที่สามารถใช้งานกันอย่างกว้างขวางเพื่อให้การเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างศูนย์ข้อมูลหลักในสิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา สามารถติดต่อถึงกันได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ทั้งนี้ แอพพลิเคชั่นสำหรับบริการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูลจะเริ่มนำมาใช้ได้ในเดือนกันยายนเป็นต้นไป
การเชื่อมต่อโดยตรงผ่านเครือข่ายหลักของเอ็นทีที คอม จะช่วยให้การส่งต่อข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่นราวกับว่าลูกค้าใช้ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลเพียงแห่งเดียว ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลของเอ็นทีที คอม ที่กระจายตัวอยู่หลายแห่งในกรุงโตเกียวมีบริการเชื่อมต่อข้อมูลความเร็วสูงระหว่างกันในด้านการสำรองข้อมูล การส่งต่อแอพพลิเคชั่น และการกู้คืนข้อมูลที่เสียหาย ซึ่งการเปิดตัวบริการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างศูนย์ข้อมูลนี้จะทำให้ลูกค้าของเอ็นทีที คอม มีความพอใจกับการใช้งานโซลูชั่นที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ บริการดังกล่าวจะช่วยให้เอ็นทีที คอม สามารถให้บริการการเชื่อมต่อข้อมูลได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเพิ่มการติดตั้งเครือข่ายใหม่ให้กับลูกค้าแต่ละราย
ทั้งนี้ การบริการศูนย์เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างประเทศจะมาพร้อมกับการรับประกันแบนด์วิธ (Type A) หรือบริการส่งต่อข้อมูลที่ดีที่สุด (Type B) โดย Type B จะมีราคาเดียวกันทั่วโลก ขณะที่ราคา Type A จะแตกต่างกันตามความต้องการใช้งานของลูกค้า
“เอ็นทีที คอม เดินหน้ายกระดับคุณภาพระดับเวิลด์คลาสเพื่อให้บริการโซลูชั่นการสื่อสารครบวงจรที่เหนือระดับให้กับลูกค้าในภูมิภาคนี้ ตั้งแต่บริการด้านเครือข่ายไปจนถึงบริการด้านระบบคลาวด์ ด้วยเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในตลาดเอเชียที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นที่คาดกันว่า การขยายตัวในภูมิภาคนี้จะมีสัดส่วนราว 40% ของเศรษฐกิจโลกในปีพ.ศ. 2573” คัตสึมิ นากาตะ รองประธานบริหารฝ่ายกลยุทธ์ระดับโลกของเอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ กล่าว “เราได้ช่วยให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่งสร้างรากฐานและการขยายตัวของธุรกิจในเอเชียได้ด้วยการนำเสนอศูนย์ข้อมูลที่แข็งแกร่ง บริการเครือข่ายที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และการขยายบริการคลาวด์ รวมถึงการมีผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการในตลาดเอเชีย ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้เอ็นทีที คอม เป็นพันธมิตรด้านไอซีทีที่ดีเยี่ยมในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจด้านการสื่อสารระดับโลกในเอเชีย”
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ในเอเชียของเอ็นทีที คอม สามารถเข้าชมได้ที่ www.ntt.com/worldwide/topics-asia/index.html
เกี่ยวกับ เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ปอเรชั่น กรุณาเข้าชมที่ www.ntt.com/index-e.html
แหล่งข่าว: เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ปอเรชั่น
ติดต่อ
(นาย) โตชิโอะ นากาอิ หรือ (น.ส.) จิเอมิ วาตานาเบ้
แผนกธุรกิจระดับโลก
เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ปอเรชั่น
โทร: +81-3-6733-8150
อีเมล: marketing-gl@ntt.com
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net ) --