ไทยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอาเซียน

ข่าวทั่วไป Wednesday December 22, 2010 13:21 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2553 ได้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 22 ณ เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น โดยมีการหารือเรื่องกลยุทธ์การเติบโตรูปแบบใหม่ (APEC Growth Strategy) ของเอเปค เพื่อเตรียมการรองรับการฟื้นตัวภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ และเตรียมความพร้อมหากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอีกในอนาคต โดยที่ประชุมสนับสนุนการทำงานของเอเปคในเรื่องนี้ พร้อมทั้งแผนปฏิบัติงาน (Action Plan) Growth Strategy เป็นมิติใหม่ของเอเปคนับแต่ปี 2552 ที่จะมีการสนับสนุนการเติบโต 5 ลักษณะ ในสังคมคือ การเจริญเติบโตที่สมดุล (Balanced Growth) เท่าเทียม (Inclusive Growth) ยั่งยืน (Sustainable Growth) มั่นคง (Secure Growth) และอยู่บนพื้นฐานของนวัตกรรม (Innovative Growth)

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า เรื่องการเจริญเติบโตด้วยนวัตกรรม (Innovative Growth) เป็นโมเดลเศรษฐกิจใหม่ภายใต้การดำเนินงานของเอเปค ซึ่งควรมีการกำหนดแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม มีคณะทำงานเป็นการเฉพาะ ซึ่งหลายประเทศให้การสนับสนุน โดยตนได้ยกตัวอย่างการดำเนินงานของไทยในการพัฒนา Innovative Growth ในรูปแบบการดำเนินนโยบายเชิงคู่ขนานระหว่างทรัพย์สินทางปัญญา และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน ด้วยการตั้ง เป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอาเซียน และมีสัดส่วนเป็น 20% ของ GDP ภายในปี 2555 นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็น Thailand Model ที่ได้รับการยอมรับจาก WIPO และ UNCTAD ในการเป็นแนวทางพัฒนาสำหรับประเทศกำลังพัฒนา เรื่องการพัฒนา Innovative Growth ควรที่จะมุ่งเน้นใน 4 สาขาสำคัญได้แก่ Creative Infrastructure, Creative Education and Human Resources Development, Creative Business Development และ Creative Investment and Financing System ซึ่งรัฐบาลไทยได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และได้มีการจัดตั้ง Creative Academy โดยร่วมมือกับ 146 มหาวิทยาลัย เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาองค์ความรู้ และศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการ รวมถึงเป็นศูนย์มาตรฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แต่ละสาขา

“การประชุมเอเปคครั้งต่อไป ในปี 2554 ที่สหรัฐฯจะเป็นเจ้าภาพ ไทยเสนอให้ยกระดับความสำคัญเรื่องความมั่นคงของอาหาร (FOOD SECURITY) และเสนอให้มีความร่วมมือระหว่างเอเปคกับองค์กรทั้งภายในและภายนอก เช่น FAO กลุ่มเคร์นส์ ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (CLIMATE CHANGE) ภัยธรรมชาติ อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงของอาหาร จึงเสนอให้มีการจัดตั้งกลไก ระบบการเตือนภัย การพยากรณ์ผลผลิต และระบบสำรองอาหาร เช่น ระบบการสำรองอาหารข้าวในอาเซียน และขยายไปยังกลุ่มประเทศ เช่น ตะวันออกกลาง” นายอลงกรณ์ กล่าว นอกจากนี้ ยังได้เชิญสมาชิกเอเปคเข้าร่วมงานมหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นานาชาติ Thailand International Creative Economy Forum (TICEF) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 28 — 30 พฤศจิกายน 2553 โดยเชิญวิทยากรผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก ร่วมปาฐกถาและบรรยายพิเศษ ในการประชุมสัมมนาครั้งนี้ด้วย.

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000

โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ