อลงกรณ์’ โชว์เอเปค ดันโมเดล 3 วงแหวน 5 ประตู

ข่าวทั่วไป Wednesday December 22, 2010 13:23 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2553 ได้เสนอให้เอเปคนำ Model เรื่อง 3 วงแหวน 5 ประตู มาปรับใช้กับสมาชิกเอเปค และได้มีการหารือประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ การสนับสนุนการเจรจารอบโดฮา การบรรลุเป้าหมายโบกอร์ และการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการหารือเรื่องการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิคด้วย สำหรับเรื่องการเจรจา FTAAP จะยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สำหรับการเจรจาการค้าพหุภาคี นาย Pascal Lamy ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก ได้สรุปให้ที่ประชุมทราบถึงความคืบหน้าของการเจรจารอบโดฮา ว่าขณะนี้รูปแบบการหารือเปลี่ยนไปเป็นการหารือเฉพาะเรื่องแบบกลุ่มเล็กระดับเอกอัครราชทูต ซึ่งสมาชิก WTO ส่วนใหญ่เห็นว่า ได้ผลดี หลายประเทศเห็นว่าการเจรจากำลังจะนำไปสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว (end game) และคาดว่าการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์จริงๆจะเริ่มได้เร็วๆ นี้ ซึ่งไทยได้กล่าวสนับสนุน “ในปี 2011 จะเป็น window opportunity ที่สรุปผลการเจรจา โดยขณะนี้เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่การเจริญเติบโตก็ชะลอตัวลง หลายประเทศยังใช้มาตรการปกป้องทางการค้า ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการตอบโต้ทางการค้า และได้สนับสนุนเอเปคคัดค้านการไม่ใช้มาตรการปกป้องทางการค้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โดยเอเปคได้ตกลงที่จะขยายไม่ใช้มาตรการปกป้องทางการค้าออกไปอีกจนถึงปี 2013” นายอลงกรณ์ กล่าว

ในเรื่องเป้าหมายโบกอร์ ที่ประชุมให้ความเห็นชอบต่อรายงานการบรรลุเป้าหมายการเปิดเสรีการค้าการลงทุนตามเป้าหมายโบกอร์ในปี 2010 ที่ญี่ปุ่นจัดทำขึ้น ซึ่งสรุปได้ว่า 13 เขตเศรษฐกิจ มีการเปิดเสรีอย่างมีนัยสำคัญ (significant progress) แต่มีหลายเรื่องที่ยังเป็นปัญหาอยู่ เช่น อัตราภาษีสูงในสินค้าเกษตร สิ่งทอ เสื้อผ้า มีการใช้มาตรการที่มิใช่ภาษีอย่างแพร่หลาย การเปิดเสรีการค้าบริการยังไม่มากพอ เป็นต้น ซึ่งเอเปคจะกำหนดกลไกทบทวนเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้อีกครั้ง นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเรื่องการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนั้น ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญ เช่น การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) การเชื่อมโยงในภูมิภาค (Regional Connectivity) เรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นต้น โดยเรื่องมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกที่กระทรวงพาณิชย์เริ่มดำเนินการแล้ว เช่น การทำคลังข้อมูลธุรกิจเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ประกอบการบริการภาครัฐโดยผ่าน e-starting, e-certificate, e-filling การพัฒนากฎหมายส่งเสริมธุรกิจ และได้ยก model 3 วงแหวน 5 ประตู ที่ได้นำไปใช้กับมาเลเซียภายใต้โครงการลีมอ ดาซาร์ มาเสนอเป็นแนวทางที่เอเปคอาจนำไปพัฒนาใช้กับประเทศสมาชิกได้ แม้ว่าจะมีพรมแดนไม่ติดกันก็ตาม สำหรับเรื่องการเจรจา FTAAP ไทยได้ยกตัวอย่าง ASEAN Model ซี่งมีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนหลวมๆ ก่อนจนไปถึงการเปิดเสรีและการเป็นประชาคมอาเซียน โดยพันธกรณีของสมาชิกอาเซียนคำนึงถึงระดับการพัฒนาอาจเป็น model ของ FTAAP ได้

นอกจากนี้ ในเรื่องกลยุทธ์การเจริญเติบโตรูปแบบใหม่ (growth strategy) ไทยได้กล่าวในประเด็นเรื่องการเจริญเติบโตด้วยนวัตกรรม (Innovative Growth) และเห็นว่า การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต้องควบคู่กันไปกับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งเสนอให้มีการจัดคณะทำงานเป็นการเฉพาะเพื่อดำเนินงานในเรื่องนี้ และในการประชุมเอเปคครั้งนี้ รมช.พาณิชย์ จะมีการหารือสองฝ่ายกับชิลี เปรู แคนาดา โคลัมเบีย และญี่ปุ่น และจะเข้าร่วมเป็นสักขีพยานการประกาศเริ่มเจรจา FTAไทย-ชิลี อย่างเป็นทางการที่นายกรัฐมนตรีไทยและประธานาธิบดีชิลี จะประกาศในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2553 ต่อไป

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000

โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ