การเสวนา F.T.I. Economic and Logistic Focus ครั้งที่ 1

ข่าวทั่วไป Wednesday February 16, 2011 15:19 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

การเสวนา F.T.I. Economic and Logistic Focus ครั้งที่ 1/2554 วันที่ 26 มกราคม 2554 ณ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้จัดการเสวนา “F.T.I. Economic and Logistic Focus ครั้งที่ 1/2254” ในวันที่ 26 มกราคม 2554 เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ไทยในปี 2554 โดยมีรองประธานสภาอุตสาหกรรม ประธานสายงานเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ (ดร.ธนิต โสรัตน์) เป็นประธานฯ และผู้ทรงคุณวุฒิจากธนาคาร CIMB (นายบันลือศักดิ์ ปุสสรังษี) ธนาคารทหารไทย (นายเสถียร ตันธนสฤษดิ์) ร่วมเสวนาเรื่องทิศทางเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ไทยในปี 2554 ซึ่งมีผู้แทนภาคราชการ อาทิธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมรับฟังการเสวนา โดยมีการรายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2554 แนวโน้มค่าเงินบาท และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ไทย สรุปได้ดังนี้

1. ภาพรวมเศรษฐกิจไทย

1.1 เศรษฐกิจไทยปี 2553: มีอัตราการเติบโตสูงถึง 7.8-7.9% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากาการขับเคลื่อนของการส่งออกที่มีมูลค่าอยู่ใน GDP ถึงร้อยละ 60.8 ประกอบกับรัฐบาลได้ใช้งบประมาณจ นวนมหาศาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะงบไทยเข้มแข็ง

1.2 เศรษฐกิจไทยปี 2554:

เศรษฐกิจไทยในปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2553 มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวไปตามเศรษฐกิจโลก IMF สหประชาชาติ ธนาคารโลก ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระดับที่ใกล้เคียงกันระหว่าง 3.0%-4.8% อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเกื้อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ฐานะการเงินการคลังของไทยที่ยังอยู่ระดับสูง (ดุลการค้าเกินดุลราว 1.2 พันล้านดอลลาร์) เงินส รองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงมาก เช่นเดียวกับระดับงบประมาณรายจ่ายของรัฐที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาคครัวเรือน (จากการขึ้นเงินเดือนข้าราชการและการขึ้นค่าแรงขั้นต่ ) เป็นต้น

  • ภาคการส่งออก ปี 2554 เป็นปีที่ภาคการส่งออกจะต้องประสบปัญหา ทั้งจากอุปสงค์ที่ลดลงและความไม่แน่นอนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะมาตรการการอัดฉีดเงินเพื่อปกป้องเศรษฐกิจในประเทศ เช่น Quantitative Easing1 (QE) ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ การฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าส คัญอย่างสหรัฐฯและสหภาพฯ ยังไม่ชัดเจน แต่คาดว่าจะมีการเติบโตเพียงร้อยละ 2.8 และ 1.3 และการว่างงานยังอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 9.4 และ 10.1 ตามลำดับ
  • ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโต อาทิ ราคาน้ มันในต่างประเทศที่ยังผันผวน แนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นจากราคาน้ มัน/การปรับค่าแรง การขาดแรงงานในการผลิต ปัญหาการเมืองและการเลือกตั้งในประเทศ และสภาวะในตลาดทุนที่คาดว่าจะมีการถอนทุนในไทยเพื่อลงทุนในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น

1.3 ค่าเงินบาทในปี 2554: ผู้ทรงคุณวุฒิจากธนาคารทหารไทยคาดการณ์ว่า เงินบาทจะอ่อนค่าลงจากการถอนทุนในไทยเพื่อลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งเศรษฐกิจส่อเค้าว่าจะเริ่มดีขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ก็น่าจะดีขึ้นด้วย หากค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอย่างช้าๆ ก็น่าจะปรับตัวรับได้ จากการประเมินความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันคาดว่าค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงบ้างแต่ก็ไม่น่าเกิน 32 บาท/ดอลลาร์

2. สถานการณ์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ไทย

การพัฒนาโลจิสติกส์ไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่ก้าวหน้า โดยมีปัญหาจากต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยยังอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งทางการค้า โดยในปี 2551 ไทยมีต้นทุนโลจิสติกส์อยู่ที่ร้อยละ 18.6 ของ GDP ในขณะที่มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน และบราซิลมีต้นทุนโลจิสติกส์อยู่ที่ร้อยละ 14-15 ของ GDP นอกจากนี้ยังขาดการบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การขนส่งของไทยที่ยังกระจุกอยู่ที่การขนส่งทางถนน (ร้อยละ 83.76) ซึ่งท ให้ต้นทุนทางโลจิสติกส์สูง การขนส่งทางชายฝั่งยังประสบสภาวะขาดทุนในขณะที่การขนส่งทางรางยังมีการใช้งานในระดับต่ สภาอุตสาหกรรมจึงเห็นว่าในระยะเร่งด่วนควรมีการตั้งส นักงานแผนและนโยบายพัฒนาระบบโลจิสติกส์แห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักอยู่ภายใต้ส นักนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ก กับดูแลแก้ปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกสิ์อย่างเป็นระบบ

ทั้งนี้ ผู้แทนกระทรวงคมนาคมได้ชี้แจงว่าการวัดประสิทธิภาพโลจิสติกส์ไทยโดยเทียบต้นทุนต่อ GDP ไม่สามารถสะท้อนค่าที่แท้จริงได้ จึงได้มีการจัดท ตัวชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ขึ้นใหม่ โดยจะวัดเป็นต้นทุนบาทต่อตัน-กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้กำลังรอสำนักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประกาศการใช้ระบบดังกล่าวอยู่

------------------------------------------------------------------------------------------

1 นโยบายการเงิน (monetary policy) ที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ เพิ่มเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มีสภาพคล่องยิ่งขึ้นโดย การเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินจากสถาบันการเงินซึ่งอาจเป็นพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน หรือแม้กระทั่งตราสารหนี้ประเภทที่มี ลูกหนี้สินเชื่อบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้าประกัน

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000

โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ