นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (Senior Economic Official Meeting : SEOM) ระหว่างวันที่ 20 — 26 มิถุนายน 2554 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยวันแรก เป็นการประชุมคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจรายสาขาของอาเซียน (Committee of the Whole : COW) ครั้งที่ 2 ซึ่งมีประธานของคณะกรรมการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) 15 คณะ ร่วมประชุมกับกลุ่มเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (SEOM) โดยมีรองเลขาธิการอาเซียนเป็นประธาน
นางศรีรัตน์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อรับทราบสถานะความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนงานพิมพ์เขียวในการก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) และแลกเปลี่ยนข้อมูล ตลอดจนความคิดเห็นระหว่างกัน เพื่อร่วมมือกันปรับปรุงและแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ และกำหนดกลไกการประสานงานระหว่างกันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อาเซียนได้จัดประชุมคณะกรรมการดังกล่าวครั้งแรกเมื่อปี 2552 โดยครั้งนั้นประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ การดำเนินงานตามแผนงานพิมพ์เขียว (AEC Blueprint) ของอาเซียน เริ่มตั้งแต่ปี 2551 - 2558 ในช่วงปี 2551-2552 อาเซียนดำเนินการตามแผนได้ร้อยละ 83.8 และในช่วง 2553 - เมษายน2554 อาเซียนดำเนินการได้ร้อยละ 52.78 โดยเฉลี่ยตั้งแต่ 2551-2554 (เมษายน) ดำเนินการได้รวมร้อยละ 67.9
ในการประชุมคณะกรรมการรายสาขาร่วมกับกลุ่มเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนครั้งนี้ ได้หารือในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การหาแหล่งเงินทุนหรือการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินภายใต้อาเซียน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายกองทุน จึงควรให้มีการดำเนินการในลักษณะบูรณาการ ด้านทรัพยากรมนุษย์ เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ จึงควรเร่งสร้างบุคลากรในสาขาที่ขาดแคลน เช่น ด้านโทรคมนาคม และทรัพย์สินทางปัญญา
ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นว่าอาเซียนควรให้ความสำคัญแก่ผู้บริโภคให้มากขึ้น เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจ โดยมุ่งให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากความร่วมมือและการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจของอาเซียนอย่างเต็มที่ โดยอาเซียนควรดำเนินกิจกรรมด้านเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินการไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในสาขาต่างๆ ทั้งในระดับอาเซียน และในระดับชาติ ตลอดจนส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น และเน้นความสำคัญต่อการดำเนินการตามความตกลงต่างๆของอาเซียน โดยการปรับปรุงกฎระเบียบหรือกฏหมายภายในประเทศให้สอดคล้องกับพันธกรณีของอาเซียนตามกำหนดเวลาที่ได้ตกลงไว้
นางศรีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยให้ความเห็นว่าอาเซียนจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งให้สำนักเลขาธิการ อาเซียน ทั้งในด้านการเพิ่มขีดความสามารถและทรัพยากรที่จำเป็น รวมทั้งการพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อให้บริการแก่สมาชิก และสำนักเลขาธิการอาเซียนควรเพิ่มบทบาทด้านการให้ข้อเสนอแนะทางยุทธศาสตร์มากขึ้น นอกเหนือจากการปฏิบัติงานสนับสนุนด้านเลขานุการ
นอกจากนี้ เพื่อให้การประชุมและการดำเนินการต่างๆด้านเศรษฐกิจของอาเซียน ส่งผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นและมีกระบวนการในการติดตามผลการทำงานอย่างต่อเนื่อง ไทยได้ผลักดันให้มีการจัดตั้งระบบและกลไกการประสานงานระหว่างคณะกรรมการภายใต้กรอบเศรษฐกิจ และระหว่างกรอบเศรษฐกิจกับกรอบงานด้านสังคม และความมั่นคง รวมทั้งการเพิ่มการมีส่วนร่วมของฝ่ายเศรษฐกิจในการดำเนินการเชื่อมโยงของอาเซียนในภาพรวม (ASEAN connectivity) ได้แก่ การเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านองค์กร และทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการรายสาขาร่วมกับกลุ่มเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนเป็นประจำทุกปีในภาพรวม ปีละ 1 ครั้ง และในระหว่างปีก็ให้เชิญคณะกรรมการบางสาขาเข้าร่วมประชุมกับกลุ่มเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของอาเซียน เพื่อมุ่งพิจารณาผลักดันการแก้ไขปัญหาและขยายความร่วมมือในก
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630