นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในโอกาสที่นาย Sohail Mahmood เอกอัครราชทูตปากีสถาน ประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ว่าเป็นการพบปะเพื่อร่วมหารือกันถึงแนวทางการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เนื่องจากความสัมพันธ์ ทวิภาคีระหว่างไทย-ปากีสถาน นั้นมีมาอย่างยาวนาน โดยเมื่อปีที่ผ่านมาก็ได้มีการฉลองวาระความสัมพันธ์ทางการทูต ครบรอบ 60 ปีร่วมกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มองว่าการค้าระหว่างไทยและปากีสถาน ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ยังมีศักยภาพที่จะยกระดับความร่วมมือทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร การก่อสร้าง และการธนาคาร เป็นต้น ซึ่งทางปากีสถานต้องการให้ไทย เดินทางไปกรุงอิสลามาบัด เพื่อลงนาม MOU การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) และประชุม JTC ครั้งที่ 1 ร่วมกันให้เร็วที่สุด
“สำหรับการที่จะเดินทางไปลงนามใน MOU การจัดตั้ง JTC และร่วมประชุม JTC ครั้งที่ 1 คงเป็นในช่วงปลายเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ โดยอาจพิจารณาเชิญภาคเอกชนไทยเดินทางไปด้วยและร่วมจับคู่ธุรกิจกับภาคเอกชนปากีสถานด้วย” รัฐมนตรีพาณิชย์ ระบุ
นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า เห็นด้วยที่ไทยและปากีสถานจะต้องเร่งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้นในสาขาต่างๆ โดยเฉพาะในสาขาภาคการเกษตร การประมง อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ และอาหารฮาลาล ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายสามารถใช้กลไกการประชุม JTC เป็นเวทีกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการแก้ไขปัญหา อุปสรรคทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก
ปัจจุบันปากีสถานเป็นคู่ค้าสำคัญอับดับที่ 47 ของไทย ในปี 2555 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่าประมาณ 982 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวลดลงร้อยละ 3.32 จากปีก่อนหน้า (2554) โดยไทยได้ดุลการค้ากว่า 773 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปปากีสถาน คือ รถยนต์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยางพารา และเส้นใยประดิษฐ์ ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากปากีสถาน ได้แก่ ด้ายและเส้นใย สัตว์น้ำสดและแช่แข็ง ผ้าผืน และ สินแร่โลหะ เป็นต้น
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630