นางพิรมล กล่าวว่า การประชุมที่จะมีขึ้นนี้ จะมีการประชุมกับคู่เจรจาทั้ง 6 ประเทศด้วย เพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะเจรจาการค้าเสรี RCEP หรือ “RCEP Trade Negotiating Committee” ขึ้นเพื่อเป็นกลไกหลักในการเจรจาความตกลงฯ รวมถึงการสรุปกรอบและแนวทางการเจรจาทั้งด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน ซึ่งจะใช้เป็นพื้นฐานสำคัญในการเจรจาต่อไป
สำหรับความตกลง RCEP นี้ จะเป็นความตกลงแบบองค์รวม (Comprehensive Agreement) ที่มีมาตรฐานสูง ประกอบไปด้วยความร่วมมือทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดย RCEP จะเป็นความตกลงยุคใหม่ของอาเซียนที่จะพัฒนาต่อยอดจากความตกลงการค้าเสรีที่อาเซียนมีอยู่แล้ว 5 ฉบับกับ 6 ประเทศ (อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-เกาหลี อาเซียน-อินเดีย และอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) โดยจะครอบคลุมทุกมิติในด้านการเข้าถึงตลาด อาเซียนตั้งเป้าที่จะลดภาษีระหว่างกันให้ได้มากที่สุด รวมถึงการลดอุปสรรคทางการค้าสินค้า บริการ และการลงทุน และจะเปิดกว้างผนวกประเด็นใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน อาทิ เรื่องนโยบายการแข่งขัน และทรัพย์สินทางปัญญา เข้าไปในความตกลงด้วย
ความตกลง RCEP นี้ นับว่าเป็น flagship สำคัญของอาเซียนในการมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและของโลก และจะยังผลประโยชน์ให้เกิดกับไทยและอาเซียนอย่างมากด้วยเช่นกัน เนื่องจากตลาดจะใหญ่ขึ้นมาก ประชากรรวมกันกว่า 3,300 ล้านคน หรือคิดเป็น 49.3% ของประชากรทั้งโลก มี GPD รวมกันกว่า 17,100 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 27% ของ GDP โลก ซึ่งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ นับว่าเป็นทั้งคู่เจรจา คู่ค้าและตลาดส่งออกที่สำคัญของอาเซียน
นอกจากนั้น ในส่วนของประเทศไทย RCEP จะเป็นก้าวสำคัญของยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศของไทยตามนโยบายของรัฐบาลในการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนของประเทศ และเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรักษา ขยายโอกาส และขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่สำคัญของประเทศ
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630