ในโอกาสนี้นาย Baloi แสดงความชื่นชมในความสามารถของไทยด้านการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการค้าและเห็นว่า ไทยและโมซัมบิกควรริเริ่มความร่วมมือทางการค้าระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรมโดยอาจจัดทำในรูปแบบ MOU เช่นเดียวกันกับ MOU ด้านทรัพยากรแร่ ซึ่งไทยและโมซัมบิกได้ร่วมลงนามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทั้งนี้ สาขาที่โมซัมบิกสนใจจะร่วมมือกับไทย ที่สำคัญคือ สาขาเกษตรเนื่องจากเห็นว่าไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญ ในขณะที่โมซัมบิกประสบปัญหาการพัฒนาด้านการเกษตรผลผลิตตกต่ำ และปัญหาความยากจน จึงต้องการเรียนรู้จากไทย โดยเฉพาะในการพัฒนาการเกษตรแบบครัวเรือนไปสู่การเกษตรเพื่อการค้าและได้ชักชวนให้ผู้ประกอบการของไทยไปลงทุนในโมซัมบิก เพื่อขยายความสัมพันธ์ด้านการลงทุนระหว่างกันนอกจากนี้ เห็นว่าไทยและโมซัมบิกควรส่งเสริมให้เกิดการเยือนในระดับต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านต่างๆซึ่งกันและกัน และยินดีจะร่วมมือกับไทยในสาขาอื่นๆ ที่เป็นความสนใจร่วมกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ไทยมีนโยบายชัดเจนที่จะพัฒนาการเกษตรไปสู่การค้าโดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การเป็นครัวของโลก หรือ Kitchen of the World ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรรายสำคัญนอกเหนือจากสินค้าเกษตรไทยยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ที่สำคัญเช่นยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ส่งออกสำคัญ 1 ใน 5 ของโลก
ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้า ไทยเห็นว่าการลงนามใน MOU ด้านทรัพยากรแร่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการขยายความร่วมมือทางการค้าระหว่างไทยกับโมซัมบิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาอัญมณีและเครื่องประดับ และจะมีการดำเนินการต่อเนื่องหลังจากการลงนามMOU ดังกล่าว ในด้านการลงทุนไทยและโมซัมบิกมีลู่ทางที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันเนื่องจากโมซัมบิกอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและมีการให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนซึ่งปัจจุบันการลงทุนระหว่างไทยและโมซัมบิกยังมีน้อยมาก จึงเห็นว่าไทยและโมซัมบิกควรส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านการลงทุนในสาขาต่างๆอาทิ การลงทุนในสาขาพลังงาน
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีกำหนดการที่จะเดินทางเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิกในเดือนมิถุนายน ศกนี้เพื่อสานต่อการดำเนินการภายใต้MOU ด้านทรัพยากรแร่ ในโอกาสดังกล่าว จะได้พบหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกับภาครัฐและเอกชนของโมซัมบิกเพื่อหาแนวทางในการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
โมซัมบิก เป็นคู่ค้าอันดับที่ 82 ของไทยเมื่อเทียบกับการค้ากับโลก และเป็นอันดับที่ 13 ในภูมิภาคแอฟริกา ในปี 2555 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 180.23ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.17 คิดเป็นร้อยละ 0.04 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทยโดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับโมซัมบิก มูลค่า 146.72 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในปี 2555 ไทยส่งออกสินค้าไปยังโมซัมบิกคิดเป็นมูลค่า 163.48 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยได้แก่ ข้าว เม็ดพลาสติก รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์น้ำตาลทราย เครื่องนุ่งห่ม ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปผลิตภัณฑ์พลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง และไทยยังนำเข้าสินค้าจากโมซัมบิกคิดเป็นมูลค่า 16.75 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญจากโมซัมบิกได้แก่ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ด้ายและเส้นใย สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งแปรรูป เหล็กเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ไม้ซุง ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ เครื่องเพชรพลอย อัญมณีเงินแท่งและทองคำ แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่
โดย Dtn Thailand (บันทึก) เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2013 เวลา 13:13 น.
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630