นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การหารือครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นถึงโอกาสที่จะมีความร่วมมือทางการค้า การลงทุน โดยอาศัยความเด่นและศักยภาพของแต่ละฝ่าย โดยเฉพาะจากการที่ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเป็นผู้ผลิตทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ในขณะที่สิงคโปร์มีความเด่นในด้านการตลาด และการทำการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะสามารถเกื้อกูลกันได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ สินค้าที่ไทยจะส่งไปขายในสิงคโปร์ จะไม่จำกัดอยู่เพียงการบริโภคของตลาดภายในสิงคโปร์เท่านั้น สิงคโปร์ยังจะเป็นแหล่งกระจายสินค้าไทยไปต่างประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นควรที่จะได้มาพิจารณากันว่าสินค้าใดที่จะมีโอกาสสามารถร่วมกันดำเนินการได้ สำหรับด้านการลงทุน ภาคเอกชนสิงคโปร์มีความสนใจที่จะมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของไทย (โครงการ 2 ล้านล้านบาท) และด้านพลังงานทดแทน
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า สำหรับลู่ทางการลงทุนด้านการท่องเที่ยวเรือสำราญ จะสามารถขยายเชื่อมต่อการท่องเที่ยวให้ครอบคลุมประเทศอาเซียนอื่นๆได้ รวมทั้งการร่วมมือด้านเทคโนโลยี ในการผลิตและการตลาดสินค้า ประเภท animation ซึ่งเป็นสาขาที่ไทยมีความสามารถในการผลิต และเชิญชวนให้ภาคเอกชนสิงคโปร์เข้าร่วมการประมูล ในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของไทยดังกล่าว และได้ขอให้สิงคโปร์พิจารณาเรื่องการให้การตรวจรับรองโรงงานผลิตของไทยเพื่ออนุญาตให้นำเข้าไก่แช่เย็น/แช่แข็ง ซึ่งสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความเข้มงวดด้านสุขอนามัยต้องมีการตรวจสอบรับรองโรงงานก่อนที่จะอนุญาตให้นำเข้า
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะได้นำเรื่องที่ได้หารือกันในครั้งนี้ รวมทั้งจะพิจารณาประเด็นอื่นๆ ที่อยู่ในความสนใจของแต่ละฝ่าย เป็นวาระสำหรับการประชุมขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสิงคโปร์ (Singapore-Thailand Enhanced Economic Relation: STEER) ครั้งที่ 3 ที่กำหนดจะจัดขึ้นประมาณเดือนตุลาคมนี้ ณ ประเทศสิงคโปร์ หลังจากที่ไม่ได้มีการประชุมร่วมกันมากว่า 7 ปี โดยการประชุม STEER ครั้งที่ 2 มีขึ้นเมื่อปี 2548 ที่กรุงเทพฯ
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630