นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า การสรุปผลการเจรจาความตกลงการค้าบริการ และความตกลงการลงทุนในกรอบ FTA อาเซียน-อินเดีย จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย ที่จะก้าวไปเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ รวมทั้งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งจะส่งผลดีอย่างมีนัยสำคัญต่อการยกระดับความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) และจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างมูลค่าการค้าระหว่างอาเซียน-อินเดีย บรรลุเป้าหมาย 100 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2558
ผลที่ได้รับจากการบังคับใช้ความตกลงฯ ทั้งสองฉบับ จะมีส่วนช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในอินเดียได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ก่อสร้าง ร้านอาหาร สุขภาพ การจัดประชุม/สัมมนา รวมถึงการเข้าไปทำงานในอินเดียของนักธุรกิจประเภทต่างๆ เช่น การเดินทางเข้าไปเจรจาธุรกิจ การเคลื่อนย้ายบุคลากรระหว่างบริษัท การเดินทางเข้าไปทำงานตามสัญญาจ้าง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปลงทุนในอินเดียอีกด้วย
"การดำเนินการต่อไป ไทยจะต้องดำเนินการขอความเห็นชอบการลงนามความตกลงการค้าบริการและความตกลงการลงทุนในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-อินเดีย ในเดือนตุลาคม ศกนี้ ก่อนที่แต่ละประเทศจะดำเนินการให้ความตกลงฯ ทั้งสองฉบับมีผลใช้บังคับภายในเดือนกรกฎาคม 2557 ต่อไป" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630