ดร.โอฬารกล่าวว่า การเจรจารอบนี้ทั้งสองฝ่ายได้ทำความเข้าใจเพิ่มขึ้นในประเด็นต่างๆโดยเฉพาะกฎระเบียบของแต่ละเรื่อง โดยบางเรื่องได้ตกลงที่จะหารือเพิ่มเติมระหว่างรอบเจรจาในระดับเจ้าหน้าที่ด้วยเพื่อจะได้ก้าวไปสู่การยื่นข้อเรียกร้องของการเปิดตลาด เช่น เรื่องการค้าบริการและการลงทุน ในการเจรจารอบต่อไปใน เดือนธันวาคม ศกนี้ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
สำหรับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลนั้นฝ่ายไทยได้กำหนดแนวทางการเจรจาที่ยึดหลักการของความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า(TRIPs) ภายใต้ WTO และยึดถือความยืดหยุ่นตามตามปฏิญญารัฐมนตรีโดฮาในส่วนที่เกี่ยวกับTRIPs และการสาธารณสุข โดยในการประชุมครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอให้มีความร่วมมือ เรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการวิจัยและพัฒนายาซึ่งอาจจะใช้พื้นฐานของโครงการที่สหภาพยุโรปได้ดำเนินการ หรือมีความร่วมมือกับไทยอยู่แล้ว มาพัฒนาให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี จนสามารถผลิตเป็นเภสัชภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ที่เป็นรูปแบบเฉพาะและสอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงยาได้อย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ ดร. โอฬาร ได้ย้ำถึงความสำคัญของประเด็นความเชื่อมโยงในแต่ละข้อบทซึ่งจะแยกแต่ละเรื่องไม่ได้ จะต้องดูภาพใหญ่ทั้งของความตกลงทั้งฉบับ เพื่อให้ท่าทีของแต่ละเรื่องไปในทางเดียวกันและส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากการเจรจาในภาพรวม
ปัจจุบันสหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกสำคัญลำดับ5 ของไทย ในปี 2555 โดยไทยส่งออกไปสหภาพยุโรปมูลค่า 21,729 ล้านเหรียญสหรัฐฯซึ่งไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 6,272.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยนำเข้าจากสหภาพฯมูลค่า 19,933.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในแง่ของการลงทุน สหภาพยุโรปเป็นนักลงทุนอันดับ2 ในไทย โดยการลงทุนมีมูลค่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯขณะที่ไทยออกไปลงทุนในสหภาพยุโรปสูงเป็นอันดับ 2 รองจากอาเซียน
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630