ดังนั้น ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ASEAN Trade in Goods : ATIGA) ฟิลิปปินส์จึงได้ผูกพันสินค้าข้าวไว้ในบัญชีสินค้าอ่อนไหวสูง (HSL) เนื่องจากเห็นว่าข้าวเป็นสินค้าที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร ความเป็นอยู่ของประชาชน การพัฒนา การสร้างรายได้และการสร้างงาน ซึ่งจะต้องนำมาทยอยลดภาษีตั้งแต่ปี 2008 โดยมีการเจรจาและกำหนดอัตราภาษีสุดท้ายในปี 2010 และสามารถใช้สิทธิ์การชะลอลดอัตราภาษีนำเข้าข้าว (waiver) ภายใต้พิธีสารเพื่อพิจารณาเป็นพิเศษในสินค้าข้าวและน้ำตาล (Protocol to Provide Special Consideration for Rice and Sugar) โดยในปี 2007 ฟิลิปปินส์ได้ขอใช้สิทธิ์ผ่อนผันการชะลอการลดภาษีสินค้าข้าว และขอชดเชยการขอผ่อนผันดังกล่าว โดยการจัดทำความตกลงในการนำเข้าข้าวจากไทยในปริมาณขั้นต่ำ 367,000 ตัน/ปี ระหว่าง 8 เมษายน 2010 - 31 ธันวาคม 2014 (ปี 2556 กำหนดปริมาณนำเข้าเป็น 350,000 ตัน) เว้นแต่กรณีที่ราคาข้าวในตลาดโลก และ/หรือผลผลิตภายในประเทศมีความผันผวนจนทำให้ฟิลิปปินส์ไม่สามารถรักษาระดับการนำเข้าข้าวในปริมาณดังกล่าว
การขอชะลอการลดภาษีดังกล่าวฟิลิปปินส์จึงคงอัตราภาษีนำเข้าไว้ที่ร้อยละ 40 เป็นเวลา 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2010-2014 และจะลดลงเหลือร้อยละ 35 ในปี 2015 และหากฟิลิปปินส์จำเป็นต้องนำเข้าข้าวคุณภาพดีจะต้องให้ความสำคัญกับการนำเข้าข้าวคุณภาพดีจากไทยจำนวน 50,000 ตัน ซึ่งนับรวมอยู่ในปริมาณ 367,000 ตันภายใต้ MOU โดยมีรายละเอียดของอัตราภาษีศุลกากรขาเข้าสินค้าข้าวของฟิลิปปินส์ ดังนี้
สินค้าข้าว (AHTN 2007) 2010 2011 2012 2013 2014 2015 - Rice in the husk (paddy or rough (1006.10.00) 40 % 40 % 40 % 40 % 40 % 35 %
- Thai HOM MALI rice (1006.20.10, 1006.20.90, 1006.30.15, 1006.30.19
- Parboiled rice (1006.30.20)
- Glutinous rice (PULOT) 1006.30.30, 1006.30.90
- Broken rice (1006.40.00)
การเปิดตลาดข้าวของไทยในฟิลิปปินส์ภายใต้พันธกรณีของอาเซียนดังกล่าว ไทยจึงไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการที่ฟิลิปปินส์ขอชะลอการลดภาษี เนื่องจากฟิลิปปินส์ยังคงมีอัตราภาษีนำเข้าข้าวในอัตราสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน คือร้อยละ 40(อินโดนีเซีย ร้อยละ 30 มาเลเซียและเมียนมาร์ร้อยละ 20 สิงคโปร์และบรูไน ร้อยละ 0) นอกจากนี้ไทยยังต้องแข่งขันกับข้าวคุณภาพราคาถูกจากเวียดนามอีกด้วย โดยในช่วงปี 2550-2555 ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวโดยเฉลี่ยปีละ 1.7 ล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาวหัก 5-25% ซึ่งมีแหล่งนำเข้าจากเวียดนามร้อยละ 75 ไทยร้อยละ 20 และอื่นๆ ร้อยละ 5 เช่น เมียนมาร์ สหรัฐอเมริกา จีน ปากีสถาน และอินเดีย เป็นต้น ทั้งนี้ การส่งออกข้าวของไทยไปฟิลิปปินส์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา(2553-255๗) มีปริมาณเฉลี่ยปีละ 233,573 ตัน โดยมีมูลค่าการส่งออกลดลงจาก 246 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 เป็น 3.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2555 ซึ่งปริมาณและมูลค่าลดลงมากทุกปีอย่างต่อเนื่องจนมีจำนวนน้อยกว่าปริมาณขั้นต่ำที่กำหนดไว้ใน MOU และในปี 2013 NFA ของฟิลิปปินส์ประกาศนำเข้าข้าวหัก 25 % จากเวียดนามต้นเดือนเมษายน จำนวน 187,000 ตัน เพื่อเพิ่มปริมาณสต๊อคในการรองรับการเกิดพายุไต้ฝุ่นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะไม่นำเข้าจากต่างประเทศอีกในปีนี้
นอกจากนี้ ไทยยังประสบปัญหามาตรการต่างๆ ที่มิใช่ภาษี โดยฟิลิปปินส์ได้กำหนดให้ข้าวเป็นสินค้าควบคุมในการนำเข้าโดยมีหน่วยงานภาครัฐ คือ National Food Authority (NFA) เป็นผู้ควบคุม กำกับ และดูแลการสำรองข้าวของรัฐบาลเพื่อความมั่นคงทางด้านอาหาร และมีการนำเข้า 2 รูปแบบ คือ 1) นำเข้าแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) และ 2) นำเข้าแบบรัฐกับเอกชนในต่างประเทศ (G to P) ซึ่งจะมีการประกาศประกวดราคารับซื้อเป็นครั้งคราว และเป็นผู้อนุมัติการนำเข้าข้าวให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะการนำเข้าข้าวชนิดคุณภาพดี และการนำเข้าโดยการประมูลโควตา
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630