นางจินตนา ชัยยวรรณาการรองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2556ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้เห็นชอบกับ“กรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA : European Free Trade Association)” โดยเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2550 มาตรา 190 วรรคสาม จึงถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะการจัดทำ EFTA ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว ที่ผ่านมาได้มีการเจรจากันไปแล้ว 2 รอบ จากนั้นได้หยุดชะงักไปซึ่งต่อมาฝ่ายสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรปได้ขอให้มีการรื้อฟื้นการเจรจา โดยได้ยกขึ้นหารือในระดับผู้นำประเทศมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบกรอบการเจรจาฯแล้วจากนี้ไปก็จะได้มีการสานต่อการเจรจาได้
นางจินตนา กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ไทยจะมีการเจรจาเพื่อจัดทำEFTA เพราะจะเป็นการป้องกันไม่ให้ไทยสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อประเทศอาเซียนอื่นที่มี FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรปคือ สิงคโปร์ รวมถึง อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม หากไทยไม่เจรจาทำ FTAกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรปอาจทำให้สินค้าไทยไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าของประเทศเหล่านี้ และอาจมีการย้ายฐานการลงทุนจากไทยไปยังประเทศอื่นที่มีFTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป “EFTA ยังจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศรวมทั้งสร้างโอกาสแก่ไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุน ของสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรปในอาเซียนซึ่งถือเป็นผู้ลงทุนรายสำคัญอันดับต้นๆ ของโลกและเป็นผู้ลงทุนในไทยสูงเป็นลำดับที่ 6”
นางจินตนา กล่าวต่อว่า อีกทั้งยังจะช่วยขจัดความไม่แน่นอนที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในโครงการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือGSP ของสวิตเซอร์แลนด์และนอร์เวย์ ซึ่งให้สิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีศุลกากรกับสินค้าบางรายการโดยในปี 2555 สินค้าไทยใช้สิทธิ GSP ของสวิตเซอร์แลนด์ประมาณร้อยละ43 และของนอร์เวย์ประมาณร้อยละ 41 ซึ่งสินค้าที่ใช้สิทธิ GSP สูง ได้แก่ หน้าปัดนาฬิกา ปลาทูน่ากระป๋อง ตัวเรือนนาฬิกาเพชรพลอยและส่วนประกอบ ข้าวหอมมะลิ ข้าวโพดหวาน อาหารปรุงแต่งต่างๆและเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
สำหรับสาระสำคัญของร่าง EFTA ประกอบด้วย17 ประเด็น คือ 1) การค้าสินค้า 2) พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 3) กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า 4) มาตรการเยียวยาทางการค้า 5) มาตรการปกป้องด้านดุลการชำระเงิน6) มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 7) อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า 8) การค้าบริการ9) การลงทุน 10) การระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐ 11) ทรัพย์สินทางปัญญา 12)การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 13) ความโปร่งใส 14) การแข่งขัน 15)การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน 16) ความร่วมมือ และ 17) เรื่องอื่นๆที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยในภาพรวม
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630