อินเดียได้แจ้งต่อคณะกรรมการว่าด้วยการปกป้องภายใต้มาตรา 12.1 (a) ของความตกลงว่าด้วยการปกป้อง (Agreement on Safeguards) ซึ่งวางหลักว่าสมาชิกจะต้องแจ้งให้คณะกรรมการว่าด้วยการปกป้องทราบทันที เมื่อเริ่มกระบวนการไต่สวนที่เกี่ยวกับความเสียหายร้ายแรงหรือการคุกคามที่จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงพร้อมด้วยเหตุผล สินค้านำเข้าที่ถูกพิจารณา คือ สินค้าประเภท saturated fatty alcohols พิกัดสินค้า 38237010, 38237020, 38237040, 38237090 และ 29051700 ภายใต้กฎหมาย Customs Tariff Act 1975 ของอินเดีย โดยอินเดียได้แจ้งเหตุผลของการไต่สวนว่ามีการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตภายในประเทศ และสัดส่วนการบริโภคสินค้าชนิดนั้นในประเทศที่ผลิตจากอุตสาหกรรมในประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบการนำเข้าในรอบปี 2010-2014
หลังจากแจ้งประกาศการไต่สวนให้ผู้ยื่นคำขอและผู้มีส่วนได้เสียทราบแล้ว อินเดียได้เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องเสนอความเห็นได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ออกประกาศการไต่สวน อย่างไรก็ดี ผู้ประสงค์เสนอความเห็นสามารถยื่นขอให้มีการวินิจฉัยว่า ตนเป็นผู้มีส่วนได้เสียได้ภายใน 15 วันแรก
ในปี 2556 ประเทศผู้ส่งออกสินค้ารายการดังกล่าวไปยังอินเดีย 3 รายหลัก ได้แก่ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย ซึ่งทั้ง 3 ราย เป็นประเทศกำลังพัฒนา สำหรับไทย มีมูลค่าส่งออกประมาณ 630 ล้านบาท เป็นปริมาณราว 14 ล้านกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม หากมีคำตัดสินให้ใช้มาตรการปกป้อง ประเทศผู้นำเข้าจะใช้มาตรการดังกล่าวกับประเทศกำลังพัฒนาไม่ได้ ถ้าปริมาณการนำเข้าสินค้านั้นจากประเทศกำลังพัฒนาใดไม่เกินร้อยละ 3 ของปริมาณการนำเข้ารวมของสินค้าชนิดนั้นและปริมาณการนำเข้าสินค้านั้นจากประเทศกำลังพัฒนาทั้งหมดไม่เกินร้อยละ 9 ของปริมาณการนำเข้าสินค้ารวมของสินค้านั้น
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการติดตามสถานการณ์ พบว่า อินเดียมีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการปกป้องเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น หากสินค้าของตนถูกเปิดไต่สวน ผู้ผลิตและผู้ส่งออกของไทยควรศึกษารายละเอียดอย่างชัดเจน และเตรียมความพร้อมหากต้องใช้สิทธิในการแสดงความเห็นในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630