การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปสหพันธรัฐรัสเซียในปี 2556 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปสหพันธรัฐรัสเซียรวม 166.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของการนำเข้าสินค้าเกษตรทั้งหมดของรัสเซีย ซึ่งการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปสหพันธรัฐรัสเซีย ในปี 2557 ดูเหมือนจะเริ่มสดใสอีกครั้ง เนื่องจากเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมาประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (นายวลาดิเมียร์ ปูติน) ได้ประกาศงดการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศที่สนับสนุนการคว่ำบาตรสหพันธรัฐรัสเซีย (ออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา นอร์เวย์ และสหภาพยุโรป) เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งเป็นโอกาสของไทยที่จะสามารถบุกตลาดสหพันธรัฐรัสเซียในส่วนของสินค้าเกษตรเพิ่มเติมได้ เนื่องจากกลุ่มประเทศที่สหพันธรัฐรัสเซียประกาศงดการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศที่สนับสนุนการคว่ำบาตรสหพันธรัฐรัสเซีย มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตรสูงถึง14,977.5 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 37.9 ของการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศต่างๆทั่วโลก
สินค้าเกษตรของประเทศดังกล่าวที่สหพันธรัฐรัสเซียนำเข้า ได้แก่ เนื้อไก่แช่แข็ง เนยแข็ง ไวน์ ผลไม้ และโกโก้ โดยเมื่อเปรียบเทียบสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปรัสเซีย กับสินค้าเกษตรที่รัสเซียประกาศงดการนำเข้าจากประเทศที่สนับสนุนการคว่ำบาตรสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นระยะเวลา 1 ปีนั้น เห็นว่าสินค้าในกลุ่ม เนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) เป็นสินค้าที่ไทยมีโอกาสขยายการส่งออกไปสหพันธรัฐรัสเซีย เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ และแหล่งนำเข้าที่สำคัญของสหพันธรัฐรัสเซีย คือ กลุ่มประเทศที่สหพันธรัฐรัสเซียประกาศงดการนำเข้าฯโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) อันดับ 1 ของสหพันธรัฐรัสเซีย คิดเป็นร้อยละ 50.1 ของการนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง ของสหพันธรัฐรัสเซียทั้งหมดซึ่งถึงแม้ว่าตลาดรองของสหพันธรัฐรัสเซีย คือ บราซิล แต่ไทยก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการบุกตลาดสหพันธรัฐรัสเซียเพิ่มเติมได้ เนื่องจากบราซิลมีกำลังผลิตสินค้าประเภทดังกล่าวค่อนข้างจำกัด โดยในปี 2013 กำลังการผลิตเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) ของบราซิลมีจำนวน 3.65 ล้านเมตริกตัน แต่เมื่อเทียบกับความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) ของสหพันธรัฐรัสเซียมีจำนวนถึง 3.52 ล้านเมตริกตันนั้นกำลังการผลิตเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) ส่งออกของบราซิลจึงไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภคของสหพันธรัฐรัสเซีย (ข้อมูล : International Trade Centre และ USDA)
โดยเมื่อเทียบกับการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปสหพันธรัฐรัสเซียในปี 2556 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปสหพันธรัฐรัสเซียรวม 166.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของการนำเข้าสินค้าเกษตรทั้งหมดของรัสเซีย และเมื่อเปรียบเทียบสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปรัสเซียกับสินค้าเกษตรที่รัสเซียประกาศงดการนำเข้าจากประเทศที่สนับสนุนการคว่ำบาตรสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นระยะเวลา 1 ปีนั้น เห็นว่าสินค้าในกลุ่มเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็นหรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) เป็นสินค้าที่ไทยมีโอกาสขยายการส่งออกไปสหพันธรัฐรัสเซีย เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ และแหล่งนำเข้าที่สำคัญของสหพันธรัฐรัสเซีย คือ กลุ่มประเทศที่สหพันธรัฐรัสเซียประกาศงดการนำเข้าฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) อันดับ 1 ของสหพันธรัฐรัสเซีย คิดเป็นร้อยละ 50.1 ของการนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง ของสหพันธรัฐรัสเซียทั้งหมดซึ่งถึงแม้ว่าตลาดรองของสหพันธรัฐรัสเซีย คือ บราซิล แต่ไทยก็สามารถใช้โอกาสนี้ในการบุกตลาดสหพันธรัฐรัสเซียเพิ่มเติมได้ เนื่องจากบราซิลมีกำลังผลิตสินค้าประเภทดังกล่าวค่อนข้างจำกัด โดยในปี 2556 กำลังการผลิตเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) ของบราซิลมีจำนวน 3.65 ล้านเมตริกตัน แต่เมื่อเทียบกับความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) ของสหพันธรัฐรัสเซียมีจำนวนถึง 3.52 ล้านเมตริกตันนั้นกำลังการผลิตเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง (พิกัด 0207) ส่งออกของบราซิลจึงไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภคของสหพันธรัฐรัสเซีย
ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเร่งผลักดันสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ปีกสด แช่เย็น หรือแช่แข็ง ของไทยเพื่อส่งออกสหพันธรัฐรัสเซียโดยเร็ว เนื่องจาก ประกาศฯของสหพันธรัฐรัสเซียนั้น มีระยะเวลาแค่เพียง 1 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ไม่มาก เพื่อผู้ประกอบการสามารถใช้โอกาสจากการประกาศฯของสหพันธรัฐรัสเซียได้อย่างเต็มที่
ส่วนสินค้าเกษตร สำนักการค้าสินค้า
กันยายน 2557
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630