นายธวัชชัย โสภาเสถียรพงศ์ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ มีประเด็นที่ต้องตกลงกัน ได้แก่ วิธีการลดภาษีสินค้ากลุ่มแรก วิธีการจัดทำข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าสินค้า การค้า บริการ และการลงทุน นอกจากนั้น มีบางประเด็นที่เริ่มเจรจาแล้วและเจรจาต่อเนื่อง เช่น การประชุม SWG-ROO ถิ่นกำเนิดสินค้า พิธีการศุลกากร ส่วนเรื่องอื่นๆที่ผ่านมา เป็นการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและทำความเข้าใจความต้องการของแต่ละฝ่าย และครั้งนี้อาจจะมีการรวบรวมข้อเสนอของประเทศต่างๆมาประมวลเพื่อการเจรจาต่อไป เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายการแข่งขัน
นายธวัชชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่จะมีการเจรจา ได้มีการศึกษาถึงผลกระทบโดยสถาบันทีดีอาร์ไอและปัจจุบันสถาบันทีดีอาร์ไอก็กำลังศึกษาอยู่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนคณะเจรจาของไทย ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา BOI โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เผยแพร่ผลการเจรจาทุกรอบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเจรจาคืบหน้าค่อนข้างช้า เนื่องจากมีความแตกต่างในระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความต้องการของแต่ละประเทศสมาชิก RCEP โดยผู้นำ 16 ประเทศ ได้ตกลงกันที่จะให้สรุปผลการเจรจาภายในสิ้นปี 2558
การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) หรืออาเซียน+6 นี้ มีความสำคัญต่อการเป็น AEC และเป็นฐานการผลิตเดียวร่วมกันของอาเซียน เนื่องจากเป็นการต่อยอดผลประโยชน์เพิ่มเติมจากความตกลง FTA ที่อาเซียนทำกับประเทศคู่เจรจาหลายฉบับที่มีอยู่แต่เดิม โดยเฉพาะการปรับประสานกฎระเบียบว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า มาตรฐานสินค้า และกฎระเบียบอื่นๆให้สอดคล้องกัน ซึ่งจะง่ายต่อการใช้ประโยชน์ของภาคเอกชนสำหรับเรื่องประเด็นการเจรจา อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายการแข่งขัน ไทยและอาเซียนได้ตกลงที่จะใช้ WTO เป็นพื้นฐานการเจรจา
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630