นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยมีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธาน และปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นเลขานุการ โดยคณะอนุกรรมการฯได้มีการประชุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับทราบว่าไทยสามารถดำเนินการตาม AEC Blueprint ได้ 72% สูงกว่าอาเซียนโดยรวมซึ่งดำเนินการได้ 66% โดยมาตรการสำคัญที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในปีนี้ เช่น
- การเชื่อมคลังข้อมูลทางการค้าของไทยกับคลังข้อมูลทางการค้าของอาเซียน
- การจัดตั้งระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (Self-Certification) ของอาเซียน
- การลงนามข้อผูกพันการเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ 10
- การลงนามและให้สัตยาบันข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ 6
- การลงนามความตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน
- การจัดทำความตกลงยอมรับร่วมรายสาขาสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของอาเซียนการสรุปการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) หรือ ASEAN+6 FTA
ไทยคาดว่าจะสามารถดำเนินมาตรการส่วนใหญ่ได้ตามกำหนดเวลา อย่างไรก็ดี อาจมีบางมาตรการที่ไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปีนี้ เนื่องจากการดำเนินกระบวนการภายใน เช่น มาตรการที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเสรีการลงทุนมากขึ้น
นางอภิรดี กล่าวว่า ที่ประชุมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมาตรการให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา และต้องเตรียมความพร้อมภายในประเทศในด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และด้านกฎหมาย รวมทั้งการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของไทยภายใต้กรอบอาเซียนต้องดำเนินไปอย่างมีทิศทาง จึงเห็นควรให้มีจัดตั้งคณะทำงานเพื่อวางแผนทิศทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย ภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายณรงค์ชัย อัครเศรณี) เป็นประธานคณะทำงานหารือร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่จะใกล้ชิดและเข้มข้นยิ่งขึ้นของอาเซียนภายหลังปี 2558 ซึ่งอาเซียนจำเป็นต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภูมิภาค ให้สามารถแข่งขันกับกลุ่มเศรษฐกิจอื่นๆ รวมทั้งสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลกได้มากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ อาเซียนกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียนหลังปี 2558 และจะประกาศวิสัยทัศน์ในระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 27 ในช่วงปลายปี 2558
นางอภิรดี กล่าวเพิ่มเติมว่า จะนำผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2558 ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตันประเทศมาเลเซีย โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการพบหารือของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งแรกของปีนี้ โดยมีประเด็นหลักๆที่จะหารือ คือการเร่งรัดดำเนินมาตรการตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนให้เสร็จได้ทันภายในสิ้นปีนี้ แนวทางการลดเลิกมาตรการที่มิใช่ภาษี ซึ่งมีความสำคัญต่อการค้าการลงทุนระหว่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมจะมีการพบหารือกับผู้แทนสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนด้วย รวมทั้งจะได้มีการหารือวิสัยทัศน์ในการก้าวไปข้างหน้าของอาเซียน ภายหลังปี 2558 และหารือเรื่องสำคัญที่ทั่วโลกจับตามองคือการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership หรือเรียกว่า “RCEP” หรือ ASEAN+6 FTA (ระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย) ซึ่งหากเจรจาได้สำเร็จจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต การค้าและการลงทุน การปรับประสานกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าให้สอดคล้องกัน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนได้มากกว่าความตกลงที่มีอยู่ในปัจจุบัน และมีเป้าหมายคาดว่าจะสรุปการเจรจาได้ภายในสิ้นปีนี้
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630