พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งเป็นสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ ปี 2557 ที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับบราซิลมีมูลค่าราว 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะขยายตัวออกไปได้อีกมาก เนื่องจากบราซิลมีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจและตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีประชากรกว่า 200 ล้านคน
พลเอกฉัตรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยและบราซิลได้จัดตั้งกรรมาธิการร่วมไทย-บราซิล ตามบันทึกความเข้าใจที่ได้ลงนามร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2547 และได้มีการจัดประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง เมื่อปี 2551 และ 2555 ทั้งนี้ ไทยได้เสนอให้สานต่อการดำเนินงานเพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม และได้เสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า ไทย-บราซิล เพื่อผลักดันความคืบหน้าในการดำเนินงาน โดยจะใช้รูปแบบที่ให้ภาคเอกชนมีบทบาทนำและเป็นจุดเชื่อมต่อในการดำเนินงาน โดยภาครัฐเป็นผู้ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวก เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมได้ทันทีและเกิดผลในทางปฏิบัติ
นอกจากนี้ ไทยยังได้เชิญชวนนักธุรกิจและผู้ประกอบการของบราซิล เข้ามาลงทุนในไทยโดยใช้ไทยเป็นฐานเพื่อกระจายสินค้าและบริการไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยใช้จุดแข็งด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทย และพร้อมยืนยันความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางในด้านการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ รวมทั้งการพัฒนาเส้นทางรถไฟใน 2 เส้นทางสำคัญ โดยเส้นทางแรกเชื่อมต่อจากจีน ผ่าน สปป.ลาว มาไทยและลงไปสู่มาเลเซียและสิงคโปร์ และเส้นทางที่สองเป็นเส้นทางรถไฟในแนวตะวันตก-ตะวันออก (East-West Corridor) เชื่อมต่อจากอินเดียผ่านเมียนมา เข้าสู่ไทยและออกไปยัง สปป.ลาว เวียดนามและกัมพูชา
ทั้งนี้ รัฐโกยาของบราซิลเป็นรัฐที่มีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจในระดับสูง ปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน โดยให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนในระดับสูง อาทิ การลดภาษีให้ตั้งแต่ร้อยละ 23 จนถึงร้อยละ 98 นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำในด้านการผลิตเนื้อวัว น้ำตาล และทองคำ ในการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก และยังเป็นผู้ผลิตยาสำคัญในลำดับต้นของบราซิล
ในโอกาสนี้ ภาคเอกชนบราซิลแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทย พร้อมทั้งเชิญชวนให้ไทยเดินทางไปเยือนบราซิล เพื่อกระชับความสัมพันธ์และศึกษาลู่ทางในการขยายโอกาสในด้านธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รับที่จะพิจารณาจัดคณะเดินทางเยือนในโอกาสที่เหมาะสม พร้อมเสนอให้บราซิลพิจารณาการจัดทำเขตการค้าเสรีกับไทย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อตกลงทางการค้าที่บราซิลมีอยู่กับกลุ่มตลาดร่วมลาตินอเมริกา (MERCOSUR) ที่จะต้องเจรจาในนามของกลุ่ม ไม่สามารถเจรจาในลักษณะทวิภาคีแยกออกมาต่างหากได้ จึงขอให้พิจารณาในส่วนที่จะสามารถดำเนินการได้ก่อน อาทิ การจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า เพื่อผลักดันแผนงานในด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630