พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้พบปะหารือกับคณะผู้บริหารหอการค้าญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันในเรื่องการขยายการค้าการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่นโดยญี่ปุ่นเห็นว่า ไทยมีความพร้อมเป็นฐานการผลิตให้ญี่ปุ่นส่งขายไปยังประเทศที่ 3 และเป็นศูนย์กลางทางการค้าในภูมิภาคที่แท้จริง บริษัทญี่ปุ่นจะเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย เพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะหลังการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปลายปีนี้
ผมได้เน้นย้ำว่า ประเทศไทยมีเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนในอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เน้นให้การพัฒนานวัตกรรม ตลอดจนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับนักลงทุนต่างชาติ จึงขอเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นพิจารณาลงทุนเพิ่มเติม ทั้งนี้ในการเข้ามาลงทุน ขอให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยและการเติบโตของธุรกิจญี่ปุ่นเป็นไปในลักษณะ win-win ในการนี้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมให้ความร่วมมือกับ JCC ในการสนับสนุนด้านการส่งเสริมการค้าระหว่างไทย-ญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ โดยผมให้ความสำคัญกับ 2 กลไกหลัก สำหรับการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น กล่าวคือ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (JTEPA) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ซึ่งเป็นกลไกหลักในการประสานงานระหว่างรัฐบาลไทย-ญี่ปุ่นและระหว่างภาคเอกชนไทย-ญี่ปุ่น นอกจากนั้น เห็นควรเน้นความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในอนาคต เนื่องจากปัจจัยความเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศกำลังส่งผลต่อภาคเกษตรอย่างมีนัยสำคัญ
หอการค้าญี่ปุ่นในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2497 มีจำนวนสมาชิก 1,624 บริษัท ซึ่งมีจำนวนมากเป็นอันดับสอง รองจากหอการค้าญี่ปุ่น ณ นครเซี่ยงไฮ้ โดยบริษัทที่เป็นสมาชิกของ JCC เป็นนักธุรกิจและนักลงทุนจากภาคการผลิตและภาคบริการคิดสัดส่วนเป็นร้อยละ 50 : 50 และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630