นายธวัชชัย โสภาเสถียรพงศ์ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรี RCEP ครั้งที่ 3 กล่าวถึง สาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ว่า สามารถตกลงวิธีการลดภาษีสินค้ากลุ่มแรกได้แล้ว และจะตกลงในรายละเอียดของการลดภาษี แนวทางการเปิดเสรีการค้าบริการ การลงทุน และการจัดทำข้อผูกพันให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถรายงานต่อผู้นำ RCEP ในการประชุมผู้นำอาเซียนในเดือนพฤศจิกายนศกนี้ สำหรับเรื่องอื่นๆ เพื่อให้ RCEP เป็นความตกลงที่ทันสมัย เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้น และครอบคลุมประเด็นต่างๆ ครบถ้วน จึงควรให้มีการเจรจาต่อเนื่องในปี 2016
นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า “การเจรจา RCEP เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่สมาชิก 16 ชาติ อันได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ RCEP เกิดขึ้น เนื่องจากเชื่อมั่นว่าภูมิภาค RCEP จะเป็นตลาดที่เติบโตและมีศักยภาพมหาศาลในอนาคต มีโอกาสทางการค้ามากมายรออยู่ ด้วยเป็นภูมิภาคที่มี GDP รวมกันกว่า 22.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 29.3 ของ GDP โลก ในปี 2014 มูลค่าการค้าระหว่างสมาชิก RCEP มีมูลค่าสูงถึง 10.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 28.4 ของมูลค่าการค้าโลก และมีเงินลงทุนเข้ามาในภูมิภาค RCEP ถึง 3.663 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 29.8 ของมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของโลก”
นายธวัชชัย กล่าวต่อไปว่า “ประโยชน์สำคัญที่ไทยจะได้จากการเจรจา RCEP คือเรื่องการปรับประสานกฎถิ่นกำเนิดสินค้าให้เป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาค RCEP จากเดิมที่ไทยและอาเซียนมีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าแตกต่างกันระหว่างแต่ละประเทศคู่เจรจาภายใต้ความตกลงอาเซียน+1 ทั้ง 5 ฉบับ เนื่องจากในปัจจุบันการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาค RCEP ส่วนใหญ่ เป็นการค้าวัตถุดิบ และสินค้าขั้นกลางเพื่อนำไปผลิตต่อเนื่องเป็นสินค้าสำเร็จรูป การยกเลิกภาษี การปรับประสานกฎถิ่นกำเนิด และกฎระเบียบอื่นระหว่าง 16 ประเทศให้มีความสอดคล้องกัน จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ ส่งเสริมการเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต และดึงดูดการลงทุนเข้ามาสู่ไทยและภูมิภาค RCEP โดยรวม”
28 สิงหาคม 2558
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630