นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการหารือกับรัสเซีย ตนได้ขอให้รัสเซียสนับสนุนการนำเข้ายางพาราจากไทยจำนวน 80,000 ตัน (ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 139.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามที่รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซียเคยแจ้งความประสงค์เมื่อคราวเดินทางเยือนประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม 2558 โดยเร่งรัดให้รัสเซียเร่งจัดส่งหนังสือแสดงความจำนงค์ในการซื้อยางพาราจากไทยเพื่อให้ไทยสามารถจัดส่งสินค้ายางพาราดังกล่าวได้โดยเร็ว ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการของรัสเซียในการป้อนสู่ตลาดการผลิตรถยนต์และเครื่องบินที่กำลังเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ฝ่ายรัสเซียรับที่จะไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นางอภิรดี กล่าวว่า ได้เชิญชวนรัสเซียให้มาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนของไทย ซึ่งมีเส้นทางรถยนต์เชื่อมต่อจากเมืองดานังของประเทศเวียดนามผ่านไปถึงภาคตะวันออกของอินเดีย และยังมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมจากมณฑลยูนนานของจีนตอนใต้เข้าสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างไทยกับต่างชาติ โดยรัสเซียแสดงความสนใจในการเข้าร่วมลงทุนเรื่องเส้นทางดังกล่าว และขอรับข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อแจ้งให้ภาคเอกชนของตนทราบต่อไป
นางอภิรดี กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลของรัสเซียได้จัดทำนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย และแสดงความจำนงค์ให้ไทยเพิ่มการลงทุนในภูมิภาคดังกล่าว เนื่องจากภาคเอกชนของไทย คือ บริษัท Sutech Engineering ได้จัดทำสัญญากับรัฐบาลของรัสเซียเพื่อก่อสร้างโรงงานน้ำตาลซึ่งมีมูลค่าการก่อสร้างกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีกำลังการผลิตมากกว่า 500,000 ตัน จึงต้องการให้ไทยขยายการลงทุนเพิ่มเติม ทั้งนี้ นโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัสเซียดังกล่าวจะให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนต่างชาติ ทั้งในเรื่องของภาษีและการอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมภาคเอกชนของแต่ละฝ่ายให้สามารถขยายการลงทุนระหว่างกัน และจะให้มีการจัดงานสัมมนาร่วมกันเพื่อชี้แจงนโยบายส่งเสริมการลงทุนของแต่ละประเทศอีกด้วย
การค้าระหว่างไทยกับรัสเซียในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (2553 - 2557) มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 4,892.07 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลมาโดยตลอด ในปี 2557 รัสเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 23 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 1 ในภูมิภาค CIS โดยการค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 4,913.64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 1.08 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย และไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้า 2,503.27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ล่าสุด ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2558 (ม.ค.-ส.ค.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 1,685.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 50.73 และไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้า 750.35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการส่งออกสินค้าของไทยไปยังรัสเซียมีมูลค่า 467.70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 43.06 ในขณะที่ไทยนำเข้าจากรัสเซีย 1,218.05 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 53.16
ทั้งนี้ รัสเซียเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ของโลก (ปี 2556) จัดอยู่ในประเทศที่ประชากรมีรายได้ต่อหัวสูง (High income) นอกจากนี้ รัสเซียยังอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรด้านพลังงาน คือ ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน และมีแนวโน้มว่ารัสเซียจะสามารถค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติภายในประเทศ ทั้งทางบกและทะเลเพิ่มเติมอีก
ในด้านภูมิศาสตร์ ไทยสามารถใช้รัสเซียเป็น Gateway ในการขยายการค้าไปยังประเทศใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ได้จัดทำข้อตกลงการค้าเสรีกับรัสเซียแล้ว เช่น คาซัคสถาน เบลารุส มอลโดวา และอุซเบกิสถาน ปัจจุบัน รัสเซียมีมาตรการตอบโต้การคว่ำบาตรจากประเทศมหาอำนาจ ทำให้รัสเซียมีความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และสนใจที่จะนำเข้าจากแหล่งอื่น โดยให้ความสำคัญกับไทยในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของโลก จึงเป็นโอกาสของไทยในการขยายการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตร สินค้าที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ข้าว เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลาและผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ยางพารา และผักและผลไม้ (เช่น สับปะรด แอปเปิ้ล)
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ 18 พฤศจิกายน 2558
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630