รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนหารือแนวทางขับเคลื่อนการรวมกลุ่ม AEC ในทศวรรษหน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 29, 2016 13:48 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

อาเซียนนัดประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อหารือมาตรการภายใต้แผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2015 ที่ยังต้องดำเนินการต่อเนื่อง และมาตรการสำคัญภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 ที่ต้องดำเนินการภายในปี 2559 รวมทั้งผลักดันการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ตามเป้าหมาย พร้อมหารือร่วมกับสหภาพยุโรปในการพิจารณารื้อฟื้นการเจรจาเปิดการค้าเสรี

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 2-3 มีนาคม 2559 มีกำหนดนำผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 22 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพ ณ จังหวัดเชียงใหม่

นางอภิรดี กล่าวว่า การประชุม AEM Retreat ในครั้งนี้ เป็นการพบหารือของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเป็นครั้งแรก ภายหลังสมาชิกอาเซียนได้ประกาศจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเมื่อปลายปี 2558 โดยประเด็นสำคัญที่จะหารือ เช่น การดำเนินมาตรการสำคัญภายใต้ AEC Blueprint 2015 ที่ยังต้องดำเนินการต่อเนื่อง เช่น มาตรการด้านการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASW) ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน (ASEAN Self-Certification) การจัดทำความตกลงการค้าบริการฉบับใหม่ (ATISA) การสรุปผลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) การดำเนินการระบบคลังข้อมูลการค้าอาเซียน (ATR) เป็นต้น

นางอภิรดี กล่าวเพิ่มติมว่า ในส่วนของการรวมตัวและเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดขึ้นในอนาคตนั้น รัฐมนตรีเศรษฐกิจจะหารือการดำเนินการตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 ซึ่งเป็นแผนงานต่อยอดจากแผนงานเดิม ที่กำหนดทิศทางการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนในระยะ 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2559-2568) ประกอบด้วย 5เป้าหมายคือ 1) การเป็นเศรษฐกิจที่มีการรวมตัวและเชื่อมโยงกันในระดับสูง 2) การมีความสามารถในการแข่งขัน มีนวัตกรรม และมีพลวัต 3) การส่งเสริมความเชื่อมโยงและความร่วมมือรายสาขา 4) การเป็นภูมิภาคที่มีความสามารถในการปรับตัว ครอบคลุมทุกภาคส่วน มุ่งเน้นประชาชนและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และ 5) การเป็นส่วนสำคัญของประชาคมโลก เพื่อกำหนดมาตรการสำคัญที่ต้องนำมาดำเนินการภายในปี 2559 รวมทั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงาน (Sectoral Workplan) ความร่วมมือด้านต่างๆเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมาย ตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025

ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการที่อาเซียนจะให้ความสำคัญในปี 2559 เช่น การเสริมสร้างศักยภาพของ MSMEs หรือธุรกิจรายย่อย ขนาดเล็ก และขนาดกลาง รวมทั้งประเด็นที่ลาวในฐานะประธานอาเซียนปีนี้จะให้ความสำคัญ เช่น การจัดทำกรอบการดำเนินการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าของอาเซียน การจัดทำกรอบระเบียบของอาเซียนเรื่องความปลอดภัยของอาหาร

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ จะพิจารณาให้แนวทางการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(RCEP) ซึ่งเป็นความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับ 6 ประเทศคู่เจรจา FTA ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เพื่อให้สรุปผลการเจรจาความตกลงฯ ให้ได้ภายในปี 2559 ตามที่ผู้นำอาเซียนประกาศไว้ซึ่งหากการเจรจาความตกลงฯ สำเร็จได้ตามเป้าหมาย ก็จะนำไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นด้วยขนาดประชากรกว่า 3.4 พันล้านคน การเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต การค้าและการลงทุน การปรับประสานกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าให้สอดคล้องกัน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนได้มากกว่าความตกลงฯที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ในโอกาสเดียวกันนี้ ที่ประชุมจะสานต่อการหารือในประเด็นที่ผู้นำอาเซียนและสหรัฐฯ ได้ตกลงกันในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2559 ณ เมืองแรนโซมิราจ และการประชุม ASEAN-US TIFA JC ในระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-สหรัฐฯ ในระหว่างกิจกรรม AEM Roadshow to U.S. ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ 2559 ณ นครซานฟรานซิสโก และ Silicon Valley โดยเฉพาะแนวทางการเชื่อมโยงทั้งสองฝ่ายใน 4 เรื่อง ได้แก่ ธุรกิจ พลังงาน นวัตกรรม และนโยบาย ผ่านข้อริเริ่ม ASEAN-US Connect และการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการทางการค้า (ASEAN-US Trade Workshop) ของสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจของอาเซียนต่อความตกลงการค้าเสรีมาตรฐานสูง อาทิ TPP รวมทั้งหารือการดำเนินการตามแผนงานความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันระหว่างอาเซียน-สหรัฐฯ

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะได้หารือกับ H.E.Ms. Cecilia Malmstr?m กรรมาธิการการค้าสหภาพยุโรป ในฐานะประเทศคู่เจรจาของอาเซียน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าผ่านความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างอาเซียน-สหภาพยุโรป โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าประเด็นที่จะหารือกันคือ ความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการค้าและการลงทุนร่วมอาเซียน-สหภาพยุโรป ปี 2015-2016 รวมไปถึงการดำเนินการพิจารณาความเป็นไปได้เพื่อรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สหภาพยุโรป ที่ได้หยุดชะงักมาแล้วหลายปี ทั้งนี้ ปัจจุบันสหภาพยุโรปสรุปความตกลง FTA กับสมาชิกอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์กับเวียดนาม และกำลังจะเริ่มเจรจากับฟิลิปปินส์

ปัจจุบัน อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย โดยการค้าของไทยกับอาเซียนในปี 2558 มีมูลค่าประมาณ 9.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 22 ของการค้าไทยกับทั่วโลก ทั้งนี้ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์

26 กุมภาพันธ์ 2559

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000

โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ