ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศชิลี ผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีไทย – ชิลี ให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศใช้สิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ คาดช่วยขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือทวิภาคีกับผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศชิลี (Mrs. Paulina NAZAL ARANDA) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM) ณ กรุงลิมาประเทศเปรู ว่าทั้งสองประเทศได้หารือถึงแนวทางในการผลักดันการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีไทย – ชิลี เพื่อให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศเข้ามาใช้สิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันไทยเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของชิลีในอาเซียน และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับชิลีอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และศักยภาพทางด้านการค้าและการลงทุนร่วมกันต่อไป
นายวินิจฉัย กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ไทยและชิลีมีความเกื้อกูลกันทางเศรษฐกิจ โดยไทยสามารถเป็นประตูการค้าให้กับชิลีเพื่อเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่ชิลีเป็นประตูการค้าให้ไทยเข้าสู่ภูมิภาคอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ประกอบด้วยประชากรกว่า 400ล้านคน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังสามารถส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกัน โดยใช้ช่องทางความตกลง FTA ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของความร่วมมือ โดยไทยเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมความตกลงการค้าเสรี ไทย – ชิลี ครั้งแรก ณ ประเทศไทย ในช่วงกลางปี 2560 เพื่อกำหนดแผนงานและกิจกรรมความร่วมมือรายสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจ รวมทั้งประเมินผลการดำเนินงานในช่วงเวลาที่ผ่านมาภายหลังจากความตกลงการค้าเสรี และเสนอให้ชิลีนำคณะนักธุรกิจมาพร้อมกัน โดยจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจคู่ขนานไปกับการประชุมดังกล่าว โดยฝ่ายชิลี ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม Pacific Alliance อันมีสมาชิก ได้แก่ ชิลี เม็กซิโก โคลอมเบีย และเปรู ได้เชิญไทยให้เสนอโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่ไทยสนใจ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง Pacific Alliance และ APEC ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ความตกลงการค้าเสรีไทย – ชิลี มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 ทั้งนี้ จากสถิติล่าสุด ผู้ประกอบการไทยได้ขอใช้สิทธิประโยชน์ในการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี ไทย-ชิลี มีสัดส่วนสูงเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับความตกลงการค้าเสรีอื่นๆ ของไทย โดยสินค้าที่มีการขอใช้สิทธิประโยชน์สูงเป็นอันดับต้น อาทิ รถยนต์ ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ชิลีเป็นประเทศคู่ค้า ตลาดส่งออก และแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในภูมิภาคอเมริกาใต้อันดับที่ 3 (รองจากบราซิล และอาร์เจนตินา) โดยในช่วง 9 เดือน (ม.ค – ก.ย)ของปี 2559 ปริมาณการค้ารวม 693.73 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยส่งออกไปชิลีมูลค่า 414.96 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากชิลีมูลค่า 278.78 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปชิลี เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้ง เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก และเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากชิลี เช่น สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่ง เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ ไม้ซุง ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา เคมีภัณฑ์ และเนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค เป็นต้น
กระทรวงพาณิชย์
21 พฤศจิกายน 2559
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630