กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับตลาดกัมพูชาประเทศเพื่อนบ้าน และพร้อมจะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในกัมพูชาให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะนำคณะผู้แทนไทยจากภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 ซึ่งกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 มีนาคม 2560 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยการประชุม JTC เป็นกลไกการหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าระดับทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกัน
ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นการสานต่อความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้าไทยกับกัมพูชา ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยผลจากการประชุม JTC จะรายงานต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ต่อเนื่องกับการประชุม JTC ในวันที่ 15-17 มีนาคม 2560 เพื่อให้ผลการประชุม JTC มีการผลักดันในระดับนโยบายและมีผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ซึ่งการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้ากับกัมพูชาเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างมาก และสอดรับกับนโยบายในการเดินหน้าเศรษฐกิจการค้าให้ไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเติบโตไปพร้อมกัน
นางอภิรดี กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมในครั้งนี้ จะเน้นย้ำการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้าที่ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 โดยมีแนวทางสำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ดังนี้ (1) การส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา โดยการจัดทำยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองหน้าด่านชายแดนไทยและกัมพูชา โดยกำหนดจังหวัดชายแดนสระแก้ว-บันเตียเมียนเจย เป็นโครงการนำร่อง (2) การส่งเสริมความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร การให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพมาตรฐาน รวมถึงความร่วมมือด้านเกษตรอินทรีย์ (3) การอำนวยความสะดวกสินค้าผ่านแดน เช่น การพิจารณาจัดทำความตกลงว่าด้วยการผ่านแดนของสินค้าระหว่างกัน (4) การเปิด/ปรับปรุง/ยกระดับจุดผ่านแดน รวมถึงการหารือการแลกเปลี่ยนสิทธิจราจรในการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างกันเพิ่มเติมในจุดผ่านแดนที่มีศักยภาพต่อการค้าและการลงทุน (5) ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน เช่น การจัดงานแสดงสินค้า การจับคู่ธุรกิจ การสร้างเครือข่ายระหว่างภาคเอกชนของสองประเทศผ่านโครงการ YEN-D (6) การส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว (7) การเร่งรัดการเจรจาการจัดทำความตกลงเพื่อยกเว้นการเก็บภาษีซ้อน ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อนักลงทุนทั้งสองฝ่าย (8) การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิต และดึงดูดการลงทุนในพื้นที่ของสองประเทศ (9) การส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้สถาบัน NEA และความร่วมมืออื่นๆ เช่น ในด้านอัญมณีและเครื่องประดับ (10) การให้ความช่วยเหลือเพื่อเตรียมความพร้อมของกัมพูชาในการเป็นเจ้าภาพจัด CLMVT Forum 2017
ปัจจุบันกัมพูชาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 8 ของไทยในอาเซียน และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 21 ของไทยในโลก การค้าของไทยกับกัมพูชา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2555-2559) มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณปีละ 4,990 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2559 การค้ารวมไทย-กัมพูชา มีมูลค่า 5,595.5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 3,722.69 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญไปกัมพูชา ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องดื่ม น้ำตาลทราย รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ขณะที่สินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี ผักและผลไม้ ลวดและสายเคเบิล สินแร่โลหะ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป
สำหรับการค้าชายแดน ปี 2559 มีมูลค่าประมาณ 3,460 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นสัดส่วนการค้าไทย-กัมพูชา ร้อยละ 61.58 ของการค้ารวม แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออก 2,897 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการนำเข้า 563 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยได้ดุลการค้า 2,334 ล้านเหรียญสหรัฐ
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
10 มีนาคม 2560
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630