กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดการสัมมนาใหญ่ เรื่อง “สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) : โอกาสของไทยบนเส้นทางสายไหม”เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยมี นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานเปิดการสัมมนาและกล่าวปาฐกถาพิเศษ
งานสัมมนาในครั้งนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 500 คน จากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชนผู้สนใจ โดยได้รับเกียรติผู้ทรงคุณวุฒิที่มีเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union : EAEU) จากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของประเทศสมาชิก EAEU ในประเทศไทย รวมทั้ง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก และนักธุรกิจมากประสบการณ์นำโดย นายอโศก อุปัทยา รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดร. สมบัติ ธีระตระกูลชัย ประธานหอการค้าไทย-รัสเซีย และม.ร.ว. จิรศักดิ์ จันทรทัต ผู้แทนสายการบินแอร์อัสตานาของประเทศคาซัคสถาน ร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน และโอกาสทางการค้าของไทยในประเทศสมาชิก EAEUซึ่งประกอบไปด้วยประเทศสมาชิก ๕ ประเทศ คือ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐเบลารุส สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอาร์เมเนีย และสาธารณรัฐคีร์กีซ
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าปัจจุบันไทยให้ความสำคัญในการขยายการค้าการลงทุนกับ EAEUโดยอยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างไทยและ EAEUเพื่อเป็นช่องทางกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาต่างๆ เป็นฐานเพื่อปูทางไปสู่การเจรจาความตกลงการค้าเสรีในอนาคตตามนโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทยที่มุ่งแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนในตลาดใหม่ที่ศักยภาพปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์การค้ายุคใหม่ โดยการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันภายในประเทศ และการเพิ่มความเชื่อมโยงจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ของไทยไปยังโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road)หรือเส้นทางสายไหมใหม่ของจีนที่จะเชื่อมโยงเส้นทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ซึ่งประเทศสมาชิก EAEU ตั้งอยู่บนเส้นทางนี้ด้วยในเชิงเศรษฐกิจ EAEU เป็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับสหภาพศุลกากร เป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรรวมกันกว่า 180 ล้านคน มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมกันมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีมูลค่าการค้ากับประเทศนอกกลุ่มกว่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และเป็นกลุ่มประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงถือได้ว่า EAEU เป็นตลาดหนึ่งที่มีศักยภาพสำหรับไทย
ในการสัมมนาครั้งนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รู้จักประเทศสมาชิก EAEU ทั้งจุดเด่นและลักษณะตลาด เช่น นโยบาย Look East ของรัสเซียที่มุ่งส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้ง โอกาสในการขยายการค้าการลงทุนกับคาซัคสถาน อาร์เมเนีย คีร์กิซสถาน และเบลารุส รวมทั้งประสบการณ์ในการทำธุรกิจจริงในตลาดนี้ เนื่องจากยังเป็นตลาดใหม่ที่เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นต่อไทย และเป็นกลุ่มประเทศที่อยู่บนเส้นทางสายไหมของจีนที่เป็นความร่วมมือของประเทศตั้งแต่ฝั่งเอเชียถึงยุโรป ดังนั้น การเดินหน้ารุกตลาด EAEU รวมทั้งการพัฒนาไปสู่
การจัดทำ FTA กับ EAEUในอนาคต จึงไม่ได้ตั้งเป้าแค่เพียงการขยายการค้าการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ยังเปิดโอกาสให้สินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานของไทยเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าของโลกได้อีกด้วย ซึ่งโอกาสเหล่านี้ไม่จำกัดเฉพาะผู้ประกอบการหรือผู้ส่งออกเท่านั้น แต่ยังสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการ SMEs ของไทย โดยสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกไป EAEU อาทิ อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถยนต์ อาหาร ผลิตภัณฑ์การเกษตร สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม
การค้าไทย - EAEU ในปี 2560 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับ EAEU มีมูลค่า 3,317.96 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 57 ไทยส่งออกสินค้าไปยัง EAEU เป็นมูลค่ากว่า 1,099.20 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจาก EAEU 2,190 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถยนต์ อาหาร ผลิตภัณฑ์การเกษตร สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ในขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เหล็ก น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เป็นต้น รัสเซียยังครองความเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ใน EAEU ตามมาด้วยคาซัคสถาน เบลารุส อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน ทั้งนี้ เป็นที่น่ายินดีว่า มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเกือบทุกประเทศสมาชิกเพิ่มสูงขึ้น จึงเห็นได้ว่า EAEU จะเป็นตลาดใหม่ที่มีอนาคตสดใสสำหรับผู้ประกอบการไทย
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ