อาเซียนเร่งเสนอข้อผูกพันสาขาบริการให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้ไม่น้อยกว่า 70% หวังลงนามความตกลงภายในสิงหาคม 2561 พร้อมเร่งจัดทำความตกลงการค้าบริการฉบับใหม่ของอาเซียนเพื่อยกระดับมาตรฐาน
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานด้านบริการอาเซียน (CCS) ซึ่งไทยทำหน้าที่ประธานคณะทำงานดังกล่าวเมื่อวันที่ 17-20 มีนาคม 2561 ณ เมืองดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ว่า สมาชิกอาเซียนได้เร่งจัดทำข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการชุดที่ 10 ภายใต้ความตกลงการค้าบริการของอาเซียนหรือ AFAS (ASEAN Framework Agreement on Services) เพื่ออนุญาตให้ผู้ให้บริการอาเซียนเข้ามาลงทุนจัดตั้งธุรกิจโดยถือหุ้นได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ซึ่งเป็นขั้นตอนของการเปิดเสรีชุดสุดท้ายตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558 (AEC Blueprint 2015) และอาเซียนได้เร่งจัดทำพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันเปิดตลาดบริการชุดที่ 10 เพื่อให้มีผลใช้บังคับได้ โดยตั้งเป้าหมายที่จะลงนามในพิธีสารดังกล่าวภายในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 50 ที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคม 2561 โดยมั่นใจว่าการเปิดตลาดการค้าบริการที่เสรีมากขึ้นจะช่วยเสริมสร้างการขยายตัวในภาคการค้าบริการให้แก่ผู้ประกอบการทั้งไทยและอาเซียน
นายรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการอีกอย่างของอาเซียนในขณะนี้คือ การจัดทำความตกลงการค้าบริการอาเซียน (ASEAN Trade in Services Agreement: ATISA) ซึ่งจะนำมาใช้แทนกรอบความตกลงการค้าบริการฉบับปัจจุบัน โดยอาเซียนตั้งเป้าหมายที่จะยกระดับให้ความตกลงการค้าบริการฉบับใหม่ของอาเซียนมีความทันสมัย มีคุณภาพ มีมาตรฐานสูง ครอบคลุมในทุกสาขาบริการเพื่อให้สัมพันธ์กับแนวโน้มในการจัดทำความตกลงการค้าบริการของนานาประเทศในปัจจุบัน และวางแผนจะสรุปผลการจัดทำความตกลงภายในปี 2561 เช่นกัน
ทั้งนี้ การดำเนินการภายใต้ AFAS อาเซียนได้จัดทำข้อผูกพันเปิดตลาดบริการระหว่างกันเป็นชุดๆ เพื่อให้มีการเปิดตลาดเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการชุดที่ 10 ซึ่งจะครอบคลุมสาขาบริการเกือบทั้งหมดที่อาเซียนเปิดตลาดระหว่างกัน ปัจจุบันอาเซียน 5 ประเทศที่ได้ยื่นข้อเสนอผูกพันเปิดตลาดบริการชุดที่ 10 ได้ตามเป้าหมายแล้ว คือ บรูไนดารุสซาลาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ในขณะที่ประเทศอื่นอยู่ในขั้นตอนการจัดทำข้อผูกพัน
นอกจากนี้ การเปิดตลาดการค้าบริการของสมาชิกอาเซียนได้สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าบริการของอาเซียนเพื่อเข้าไปลงทุนในสาขาบริการที่ไทยมีศักยภาพ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การลงทุนในกัมพูชา ในธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ในสปป.ลาว เช่น สถานพยาบาล การออกแบบก่อสร้าง โรงแรม สถาบันฝึกอบรม การบำรุงรักษาซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ในเมียนมา เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว การจัดงานแสดงสินค้า การจัดการประชุม และ บริการด้านสุขภาพ เป็นต้น
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
9 เมษายน 2561
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ