นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเวียดนามมีมาตรการควบคุมการนำเข้ารถยนต์ (Decree 116) ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ว่า “ภายหลังจากที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พบหารือกับนาย เจิ่น ต๊วง แองห์ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2561 ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และไทยได้ใช้โอกาสนี้ยกข้อกังวลต่อการใช้มาตรการควบคุมการนำเข้ารถยนต์ของเวียดนามว่าได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการค้าของไทยไปเวียดนามอย่างมาก เพราะมาตรการดังกล่าวกำหนดให้รถยนต์นำเข้าทุกล็อต ทุกแบบ ทุกรุ่น ทุกลำเรือ ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานของท่อไอเสียกับห้องแล็ปของเวียดนามซึ่งปัจจุบันยังมีเพียงแห่งเดียว ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องรอคิวตรวจและใช้เวลานาน จากที่เดิมไม่มีมาตรการนี้จะใช้เวลาผ่านด่านเพียง 1-3 วัน เมื่อเวียดนามออกมาตรการใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 30 วัน ในการประชุม JTC ไทยจึงได้เสนอแนวทางแก้ปัญหา และเนื่องจากไทยมีห้องแล็ปมีศักยภาพ และบุคลากรเพียงพอจึงได้เสนอให้มีการจัดทำความตกลงหรือความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้เวียดนามยอมรับผลการตรวจสอบของไทย และไม่ต้องตรวจซ้ำที่เวียดนาม ซึ่งที่ประชุม JTC ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและระดับเจ้าหน้าที่ให้ไปหารือในรายละเอียดต่อไป”
นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ อยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าและทาบทามเพื่อนัดหารือกับฝ่ายเวียดนาม และเตรียมจัดคณะผู้แทนในระดับเทคนิคจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางไปหารือกับกระทรวงคมนาคมของเวียดนาม ซึ่งจะเป็นหน่วยงานหลักในการหารือกับฝ่ายไทย คาดว่าจะสามารถหาเวลาที่เหมาะสมได้โดยเร็ว โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานด้านเทคนิคของไทยได้เดินทางไปหารือเบื้องต้นกับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 นอกจากนี้ ในการดำเนินการที่ผ่านมา กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้หารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศอย่างต่อเนื่องซึ่งผู้ประกอบการยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนต่อแนวทางดำเนินการดังกล่าว เพื่อเร่งบรรเทาอุปสรรคในการส่งออกรถยนต์ของไทยไปเวียดนาม โดยเฉพาะเงื่อนไขของกฎระเบียบของเวียดนามที่กำหนดให้รถยนต์นำเข้าทุกรุ่นทุกแบบต้องเข้ารับการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทุกครั้งที่มีการนำเข้ามาในประเทศ และเพื่อผลักดันให้เวียดนามปฏิบัติต่อรถยนต์นำเข้าเท่าเทียมรถยนต์ที่ผลิตในเวียดนามซึ่งเป็นหลักปฏิบัติสากล”
นางอรมน กล่าวเสริมว่า “ไทยและเวียดนามสนับสนุนความสำคัญของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ความร่วมมือที่ดีระหว่างกันยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมสนับสนุนภายในอาเซียนอย่างยั่งยืน ซึ่งไทยพร้อมที่จะร่วมมือเชื่อมโยงอุตสาหกรรมยานยนต์ของเวียดนามเข้ากับอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมสนับสนุนของไทยและห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ในอาเซียน”
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2561 ไทยส่งออกรถยนต์ไปยังเวียดนาม รวมจำนวน 15,411 คัน โดยมีแนวโน้มการส่งออกรายเดือนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ทั้งนี้ การส่งออกรถยนต์ในช่วง 7 เดือนของปี 2561 คิดเป็นร้อยละ 23.71 ของเป้าหมายการส่งออกซึ่งภาคเอกชนตั้งไว้ที่ 65,000 คัน ในปี 2561 โดยลดลงร้อยละ 26.7 จากการส่งออกช่วงเวลาเดียวกันในปี 2560 (21,021 คัน)
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
4 กันยายน 2561
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ