กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับตุรกี รอบที่ 4 เมื่อวันที่ 12-14 ธันวาคม 2561 ณ กรุงเทพฯ โดยการหารือมีความคืบหน้าค่อนข้างมาก ทั้งการยกร่างข้อบท และการแลกเปลี่ยนข้อเสนอการเปิดตลาดในต้นปี 2562
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ระหว่างไทย – ตุรกี รอบที่ 4 ทั้งสองฝ่ายพยายามลดความแตกต่างและหาท่าทีร่วมกันให้ได้มากที่สุดในการจัดทำข้อบท 5 เรื่อง ได้แก่ 1) ข้อบทว่าด้วยการค้าสินค้า 2) ข้อบทกฎถิ่นกำเนิดสินค้า ที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการคำนวณและสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า 3) ข้อบทด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช อาทิ ขอบเขตการใช้มาตรการและการประเมินความเสี่ยง 4) ข้อบทด้านมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน และมาตรการปกป้องทางการค้า และ 5) ประเด็นด้านกฎหมาย เช่น กลไกการหารือสองฝ่ายเพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติตามพันธกรณีเมื่อความตกลง FTA มีผลใช้บังคับและกลไกการระงับข้อพิพาททางการค้า เป็นต้น โดยในส่วนข้อบทที่ยังมีความเห็นต่างกันให้พยายามหาทางออกในการประชุมครั้งต่อไป ที่ตุรกีจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2562 รวมทั้งตั้งเป้าปิดรอบการเจรจาภายในปี 2563 นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังสามารถตกลงรูปแบบการลดเลิกภาษีศุลกากรที่จะเป็นพื้นฐานในการแลกเปลี่ยนข้อเสนอการเปิดตลาดในต้นปี 2562
ทั้งนี้ ตุรกีถือเป็นตลาดใหญ่และตลาดใหม่ของไทย มีประชากรกว่า 80 ล้านคน ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ อยู่ตรงกลางระหว่างตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ โดยในปี 2560 ตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 36 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1,517.39 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.4 โดยเป็นการส่งออกจากไทยไปตุรกีมูลค่า 1,266.46 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้าจากตุรกีมูลค่า 250.94 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2561 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 1,233.14 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปตุรกี 963.18 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากตุรกี 269.96 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับสินค้าศักยภาพของไทยที่ส่งออกไปยังตุรกีในรอบปีที่ผ่านมา เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ยางพารา เส้นใยประดิษฐ์ และผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูปเครื่องประดับอัญมณี เคมีภัณฑ์ ลวดและสายเคเบิล เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
14ธันวาคม 2561
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ