‘กรมเจรจาฯ’ ผนึกกำลังร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ ลงพื้นที่ติวเข้มเกษตรกรภาคเหนือตอนล่าง ขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยสู่ตลาดโลกด้วยเอฟทีเอ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 27, 2019 13:48 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จับมือสภาเกษตรกรแห่งชาติ ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย หารือเกษตรกรกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง แนะโอกาสขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยสู่ตลาดโลกด้วยเอฟทีเอ และใช้ประโยชน์จากประเทศคู่เอฟทีเอของไทยที่ลดเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากไทยแล้ว เช่น อาเซียน จีน อินเดีย และญี่ปุ่น เป็นต้น พร้อมนำทีมผู้เชี่ยวชาญการค้าติวเข้มเกษตรกรพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรไทยให้ได้มาตรฐาน ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2562 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติดำเนินโครงการ “เพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” จำนวน 6 ครั้ง ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อสุขภาพและปลอดภัย (Food Health and Safety) และเพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปตลาดโลกด้วยเอฟทีเอที่ไทยทำกับประเทศคู่ค้า โดยในปีงบประมาณ 2562 ได้ลงพื้นที่แล้ว 3 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน 2561 ณ จังหวัดอุดรธานี เดือนมกราคม 2562 ณ จังหวัดปราจีนบุรี และเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งประสบความสำเร็จและได้การตอบรับอย่างดีจากเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 1 มีนาคม 2562 กรมฯ กำหนดจัดการสัมมนาและลงพื้นที่พบปะเกษตรกรครั้งที่ 4 ณ จังหวัดสุโขทัย โดยจะมีการเสวนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ช่องทางรวยของสินค้าเกษตรจากเอฟทีเอ” และ “ทำอย่างไรให้สินค้าเกษตรสู่ตลาดต่างประเทศ” ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการใน 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ และนครสวรรค์ ณ โรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท เน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพในพื้นที่ เช่น ส้ม กาแฟ ชาดอกกาแฟ ละมุด และใบตองตานี เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ กฎระเบียบทางการค้า มาตรการทางภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี และการเพิ่มมูลค่าสินค้าโดยการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ สู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า

นางอรมน เสริมว่า การจัดงานครั้งนี้ ได้แจ้งให้เกษตรกรและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน นำสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่ผลิตมาร่วมด้วย เนื่องจากจะให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการตลาดมาเปิดเวทีติวเข้ม วิเคราะห์สินค้า และแนะนำตลาดส่งออกที่เหมาะสมให้อีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับสินค้าเกษตรของชุมชนให้ได้คุณภาพ และมาตรฐานสากล สามารถใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดทำเอฟทีเอแล้ว 12 ฉบับ กับ 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินเดีย เปรู และชิลี โดยในช่วงที่ผ่านมามูลค่าการค้าระหว่างไทยกับประเทศคู่เอฟทีเอมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น เช่น การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน ในปี 2561 มูลค่า 113,934.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีก่อนหน้า การค้ากับจีนในปี 2561 มูลค่า 80,136 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 จากปีก่อนหน้า เป็นต้น

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์

26 กุมภาพันธ์ 2562

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ