กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยผลการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสเศรษฐกิจอาเซียนกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ณ สปป.ลาว ปลื้มโครงการ US-ASEAN Connect ช่วยผู้ประกอบการ SMEs และ Startups และภาคธุรกิจของอาเซียนปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจยุคใหม่ได้ ด้านอาเซียนยินดีที่สหรัฐฯ ช่วยเตรียมความพร้อมอาเซียนรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสเศรษฐกิจอาเซียน กับนายคาร์ล เอทเลอร์ ผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2562 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ว่า ที่ประชุมฯ พอใจผลการดำเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการ US-ASEAN Connect ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสมาชิกอาเซียนกับทางภาครัฐและภาคเอกชนของสหรัฐฯ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงด้านธุรกิจระหว่างกัน ซึ่งได้ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups และภาคธุรกิจของอาเซียนปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจยุคใหม่ และโครงการ Inclusive Growth in ASEAN through Innovation, Trade, and E-Commerce (IGNITE) ที่ช่วยให้ประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น เมียนมา สามารถเชื่อมต่อระบบการแลกเปลี่ยนเอกสารใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์กับอาเซียนอื่นได้สำเร็จ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window : ASW) ถือเป็นความสำเร็จที่น่าพอใจและจับต้องได้
นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลืออาเซียนในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในอาเซียน และการพัฒนาระบบการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยอาเซียนพร้อมสนับสนุนข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะช่วยเตรียมความพร้อมอาเซียนรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 (4IR) เนื่องจากเป็นเรื่องที่อาเซียนให้ความสำคัญอย่างมากในปีนี้
ทั้งนี้ ในปี 2561 การค้าระหว่างอาเซียนและสหรัฐฯ มีมูลค่า 277.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 9.72 โดยในปี 2560 สหรัฐฯ มีการลงทุนโดยตรงในอาเซียน 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปี 2559 ร้อยละ 71.4 ที่มูลค่า 18.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนลำดับที่ 4 ของอาเซียน
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
10 เมษายน 2562
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ