กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จับมือสภาเกษตรกรแห่งชาติเตรียมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้จะลงพื้นที่ ณ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 22-24 กรกฎาคม 2562 ค้นหาสินค้าเกษตรท้องถิ่นที่มีศักยภาพสามารถผลักดันให้เป็นสินค้าส่งออกในอนาคต และพบหารือกลุ่มเกษตรกรภาคใต้ แนะโอกาสขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยสู่โลกด้วยเอฟทีเอ พร้อมนำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าการตลาดติวเข้มเรื่องการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าให้ได้ระดับสากล ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาฯ จับมือสภาเกษตรกรแห่งชาติ กำหนดจัดการสัมมนาและลงพื้นที่พบปะเกษตรกรในจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 22-24 กรกฎาคม 2562 โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการพบหารือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ปลูกส้มจุกจะนะ ในอำเภอจะนะ ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่อยู่ระหว่างการยื่นขอขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว จะนำรายได้มาสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน และมีกำหนดประชุมร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปมะม่วงเบาบ้านนาออก อำเภอสิงหนคร ซึ่งเป็นสินค้าที่มีเฉพาะถิ่น เพื่อหารือเรื่องการเพิ่มมูลค่าสินค้าจากการแปรรูปสินค้า พร้อมพบหารือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมใยตาลสทิงพระ อำเภอสทิงพระ ที่ผลผลิตตาลโตนดสามารถนำใยตาลมาแปรรูปต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นกระเป๋า เครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย เพื่อแสวงหาช่องทางขยายการส่งออกในประเทศคู่ค้าเอฟทีเอ เช่น อาเซียน จีน อินเดีย และในวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 จะร่วมกันจัดเสวนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ช่องทางรวยของสินค้าเกษตรจากเอฟทีเอ” และ “ทำอย่างไรให้สินค้าเกษตรสู่ตลาดต่างประเทศ” ณ โรงแรมบีพี สมิหลา บีช รีสอร์ท จังหวัดสงขลา ให้กับเกษตรกรในจังหวัดสงขลา พัทลุง ชุมพร สุราษฎร์ธานี และสตูล เน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพในพื้นที่ เช่น ผลไม้ (ส้มจุก มะม่วงเบา) ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป สินค้าประมง ผ้าทอพื้นเมือง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องเอฟทีเอ ช่องทางการใช้ประโยชน์จากความตกลงเอฟทีเอ มาตรการทางภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี และการเพิ่มมูลค่าสินค้าโดยการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ สู่การเพิ่มแต้มต่อและขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน
นางอรมน เสริมว่า ได้แจ้งให้เกษตรกรและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานนำสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมาร่วมแสดงในงานสัมมนาด้วยเนื่องจากกรมฯ ได้นำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการตลาดมาช่วยติวเข้มเปิดเวทีวิเคราะห์สินค้า และแนะนำตลาดส่งออกที่เหมาะสมให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการอีกด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ยกระดับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของชุมชนให้ได้คุณภาพและมาตรฐานสากล สามารถขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 2562 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ผนึกกำลังกับสภาเกษตรกรแห่งชาติดำเนินโครงการ “เพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” รวม 6 ครั้ง ซึ่งจัดในภูมิภาคทั่วประเทศ โดยเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตร เพื่อสุขภาพและปลอดภัย (Food Health and Safety)และเพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปตลาดโลกด้วยเอฟทีเอที่ไทยจัดทำกับประเทศคู่ค้า ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่แล้ว 5 ครั้งในจังหวัดต่างๆ คือ อุดรธานี ปราจีนบุรี แม่ฮ่องสอน สุโขทัย และศรีสะเกษ ประสบความสำเร็จได้การตอบรับอย่างดีจากเกษตรกรในพื้นที่
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
19 กรกฎาคม 2562
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ