ปี 50 เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ส่งไทยได้ดุล

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 18, 2008 15:00 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

          กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยปี50  เอฟทีเอทำไทยได้ดุลการค้าออสซี่เกือบ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ  และออสเตรเลียยังอนุญาตนำเข้าสินค้าจากไทยอีก 7 ชนิด  เล็งเปิดตลาดมะม่วงฉายรังสี-เนื้อหมู  ขณะที่ไทยพิจารณาตลาดหัวพันธุ์มันฝรั่ง - เนื้อหมู-โคพันธุ์-ม้า พร้อมจี้ 2 ประเทศเร่งลดภาษีสินค้าเพิ่มเติมอีกเพียบ
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ในปี 2550 ว่า ไทยได้ดุลการค้าสูงถึง 1,924.75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 65,325.28 ล้านบาท จากมูลค่าการค้าระหว่างกัน 9,525.66 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.75 % จากปี 2549 หรือมีมูลค่า 329,706.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.40% โดยไทยส่งออกไปออสเตรเลีย 5,725.20 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 31.63% หรือ 197,515.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.53% ขณะที่มีมูลค่านำเข้าจากออสเตรเลีย 3,800.46 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.44% หรือ 132,190.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.13%
สำหรับผู้ส่งออกได้ขอใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยขอใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าจากกรมการค้าต่างประเทศคิดเป็นมูลค่า 4,012.41 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 131,110 ล้านบาท คิดเป็น 66.37% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของไทยไปออสเตรเลีย สินค้าที่ขอใบรับรองมากที่สุด คือ รถบรรทุกชนิดแวนและปิกอัพ รถยนต์ (รถพยาบาล) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ปลาปรุงแต่ง เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณที่ทำด้วยโลหะมีค่า ส่วนการใช้สิทธิ์นำเข้ามีมูลค่า 432.74 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 15,079 ล้านบาท คิดเป็น 11.40% ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดจากออสเตรเลีย สินค้าสำคัญ ได้แก่ สินแร่ อลูมิเนียม มอล์ต ไหม ธัญพืช สิ่งสกัดที่ใช้ฟอกหนัง หรือย้อมสีแทนนิน
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาทั้งไทยและออสเตรเลียต่างใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard) ปกป้องการนำเข้าสินค้าที่มากเกินไปจนอาจเกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายใน โดยออสเตรเลียประกาศใช้มาตรการดังกล่าวกับทูน่ากระป๋อง และสับปะรดกระป๋องที่นำเข้าจากไทย ส่งผลให้สินค้าจากไทยต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงขึ้นจากอัตราภายใต้เอฟทีเอ เช่น ทูน่ากระป๋อง ต้องเสียเพิ่มเป็น 5% จากภาษีภายใต้เอฟทีเอ 0% มาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในปี 2552 ขณะที่ไทยใช้มาตรการดังกล่าวกับสินค้าองุ่นสด เนยแข็งสด เนยอื่นๆ และเนื้อโค กระบือ ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการในปี 2564
"นอกจากไทยจะได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นแล้ว เอฟทีเอนี้ยังทำให้ออสเตรเลียนำเข้าสินค้าจากไทย 7 ชนิด จากที่ต้องใช้เวลานานในการตรวจวิเคราะห์ความเสี่ยงการนำเข้า ได้แก่ มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด ทุเรียนแกะเปลือก ส้มโอแกะเปลือก รวมถึงปลาสวยงาม ซึ่งในปี 2550 ไทยส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปออสเตรเลียรวม 5.18 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 53.38% จากปี 2549 นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังรับพิจารณาข้อเสนอเรื่องการขอเปิดตลาดมะม่วงฉายรังสีและเนื้อหมู ขณะเดียวกันไทยก็รับพิจารณาข้อเสนอของออสเตรเลียที่จะขอเปิดตลาดสินค้าหัวพันธุ์มันฝรั่ง เนื้อหมู โคพันธุ์ และม้าในไทยเช่นกัน” นางสาวชุติมากล่าว
"ทั้งนี้ ออสเตรเลียจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ครั้งที่ 2 ในเร็วๆ นี้
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775
-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ