กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเจรจาความตกลงการค้าเสรีเอฟทีเอ ไทย - ตุรกี ครั้งที่ 6 ในเดือนสิงหาคมนี้ ที่กรุงเทพฯ เน้นหารือเปิดตลาดสินค้าและลดภาษีศุลกากร พร้อมหารือข้อบทที่ยังคงค้างจากการประชุมรอบที่แล้ว เช่น กฎถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า ตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปี 2563
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเจรจาความตกลงการค้าเสรีเอฟทีเอ ไทย - ตุรกี ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 26 - 28 สิงหาคม 2562 ณ กรุงเทพฯ โดยการเจรจาในครั้งนี้จะเน้นหารือในรายละเอียดเพื่อให้การเจรจาเปิดตลาด ลดและยกเลิกภาษีศุลกากรระหว่างกันมีความคืบหน้า หลังสองฝ่ายสามารถแลกเปลี่ยนรายการสินค้าที่ต้องการให้แต่ละฝ่ายเปิดตลาดให้แก่กันแล้ว นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายจะพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปหรือผลักดันประเด็นคงค้างจากการเจรจารอบที่ผ่านมาให้คืบหน้า เช่น การค้าสินค้า ความโปร่งใส กฎถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการการเยียวทางการค้า เป็นต้น โดยสองประเทศได้ตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปี 2563
นางอรมน เสริมว่า ไทยให้ความสำคัญกับการจัดทำเอฟทีเอระหว่างไทยกับตุรกี เนื่องจากตุรกี ถือเป็นตลาดศักยภาพของไทย มีประชากรกว่า 80 ล้านคน และมีนักท่องเที่ยวกว่า 40 ล้านคน ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์การค้าที่สำคัญ ซึ่งไทยสามารถใช้เป็นประตูสู่ 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย แอฟริกา และยุโรป ซึ่งการเพิ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้ากับตลาดใหม่ที่มีศักยภาพเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยคาดว่าการจัดทำความตกลงเอฟทีเอ ไทย - ตุรกี จะช่วยผลักดันให้มูลค่าการค้าสองฝ่ายขยายตัวได้ให้ถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2565 ซึ่งสินค้าสำคัญที่คาดว่าไทยน่าจะได้รับประโยชน์จากเอฟทีเอ เช่น สิ่งทอ ยานยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์อินทรีย์ พลาสติกและผลิตภัณฑ์จากพลาสติก ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง หม้อไอน้ำ เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผักและผลไม้เมืองร้อน เป็นต้น
ทั้งนี้ ตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 36ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยในครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 2562 ไทยและตุรกีมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 703.94 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปตุรกี มูลค่า 465.02 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากตุรกี มูลค่า 238.93 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา เส้นใยประดิษฐ์ เมล็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น สินค้านำเข้าสำคัญของไทย เช่น เคมีภัณฑ์ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ เป็นต้น
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
16 สิงหาคม 2562
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ