กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผย เสียงตอบรับงานสัมมนาใหญ่ “ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป” ที่เชียงใหม่ดีเกินคาด ผู้สนใจจากภาคเหนือตบเท้าเข้าร่วมกว่า 350 คน มั่นใจ ผู้ประกอบการและเกษตรกร นำความรู้ไปต่อยอดใช้ประโยชน์จากความตกลงอาร์เซ็ป และปรับตัวรับผลกระทบได้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนา ‘ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป’ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 ณ โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า การสัมมนาครั้งนี้ ได้รับเสียงตอบรับจากผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นอย่างดี โดยมีผู้ร่วมกว่า 350 คน ซึ่งกรมฯ ได้ให้ข้อมูลเรื่องความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป ให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร และผู้สนใจทราบ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ และปรับตัวรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางอรมน กล่าวว่า อาร์เซ็ปจะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์และบันเทิง รวมถึงช่วยสร้างโอกาสการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย และยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารของไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยเฉพาะน้ำตาล อาหารแปรรูป มันสำปะหลัง กุ้ง และข้าว ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารส่งออกที่สำคัญของไทย โดยสินค้าที่คาดว่าไทยจะได้ประโยชน์จากการที่สมาชิกอาร์เซ็ปเปิดตลาดเพิ่มเติมให้ไทย เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติกและเคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางล้อ เส้นใย สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์แป้งมันสัมปะหลัง และกระดาษ เป็นต้น
สำหรับในส่วนที่ไทยจะต้องเปิดตลาดให้กับสมาชิกอาร์เซ็ป จะช่วยเพิ่มทางเลือกผู้ประกอบการไทยในการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบเพื่อมาต่อยอด รวมทั้งการนำสินค้าเทคโนโลยีนวัตกรรมขั้นสูงเข้ามา จะช่วยยกระดับและพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมไทย ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างหารือจัดตั้งกองทุน FTA เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และพัฒนาปรับโครงสร้างและศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันในโลกการค้าเสรีได้
นางอรมน เสริมว่า ความตกลงอาร์เซ็ปถือเป็นบทพิสูจน์ ความร่วมมือระหว่างสมาชิก 16 ประเทศ ในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้นในระยะยาว และช่วยสร้างโอกาสเพิ่มเติมจากเอฟทีเอที่ไทยมีอยู่ นอกจากนี้ ยังช่วยลดความซ้ำซ้อน เรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า โดยการประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้าให้สอดคล้องกัน รวมถึงสร้างความเชื่อมโยงระหว่างห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาคและโลก
ความตกลงอาร์เซ็ป ประกอบด้วยสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ซึ่งมีประชากรรวมกันเกือบ 3,600 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรโลก มีมูลค่า GDP กว่า 27.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นหนึ่งในสามของ GDP โลก มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 11.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 29.3 ของมูลค่าการค้าโลก
ทั้งนี้ กรมฯ กำหนดจัดสัมมนา ‘ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป’ ครั้งต่อไปที่จังหวัดชลบุรี ขอนแก่น และสงขลา ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2563 โดยผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ 0 2507 7216 และ 0 2507 6285
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
20 มกราคม 2563
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ