รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศประชุมทางไกลกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ หารือการบรรเทาปัญหาให้ภาคเกษตรที่เผชิญกับวิกฤติจากสถานการณ์โควิด-19 เน้นช่วยหาตลาดให้สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์การเกษตร และประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของกระทรวงพาณิชย์ พร้อมแนะใช้ประโยชน์จาก FTA เพิ่มแต้มต่อและขยายส่งออกไปตลาดโลก
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศประชุมหารือทางไกลกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อสอบถามปัญหาและความต้องการของสภาเกษตรกรฯ ในส่วนที่กระทรวงพาณิชย์จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ได้ โดยเฉพาะการหาตลาดให้กับให้สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์การเกษตร และการแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อสร้างโอกาสในการกระจายสินค้าเกษตรคุณภาพของไทย ให้สามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ได้มอบให้รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (นางสาวบุณิกา แจ่มใส) หารือกับเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ (นายรัตนะ สวามีชัย) ผ่านการประชุมทางไกล เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยการหารือครั้งนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาให้กับภาคเกษตรไทยที่เผชิญกับวิกฤติจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการหาตลาดให้กับสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์การเกษตรของเครือข่ายสภาเกษตรกรแห่งชาติ โดยสภาเกษตรกรฯ จะส่งรายชื่อกลุ่มเกษตรกรและสินค้าที่มีความพร้อม ให้กรมฯ ช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรผ่านช่องทางต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะการขายผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ จะร่วมกันคัดเลือกเกษตรกรที่มีผลผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพผ่านมาตรฐานรับรองต่างๆ รวมทั้งมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เพื่อพัฒนาเป็นเกษตรกรและผู้ประกอบการต้นแบบต่อไป
ทั้งนี้ หากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย คาดว่าพฤติกรรมของตลาดจะเปลี่ยนไป โดยผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรฐานและคุณภาพของสินค้าเกษตร อาหารปลอดภัย และเกษตรอินทรีย์มากขึ้น จึงจำเป็นที่กลุ่มเกษตรกรจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทั้งสองหน่วยงานพร้อมร่วมมือกันให้ความรู้แก่เกษตรกรในเครือข่าย โดยเฉพาะเรื่องการผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาดทั้งภายในประเทศและเพื่อส่งออก รวมทั้งแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าเกษตรไทยและขยายโอกาสส่งออกไปตลาดโลก
สำหรับตลาดสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย ได้แก่ อาเซียนและจีน ที่ได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรให้ไทยเหลือร้อยละ 0 รวมถึงอินเดียซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจ และได้ยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรให้ไทย อาทิ เงาะ ลำไย มังคุด ทุเรียน อาหารทะเลกระป๋อง นอกจากนี้ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรเช่นกัน แต่ยังมีมาตรฐานสินค้าอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) ไทยส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป มูลค่าราว 9,300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น อาหารแปรรูป ข้าวและธัญพืช ยางพารา รวมถึงผักและผลไม้ และมีตลาดสำคัญ เช่น อาเซียน (ร้อยละ 26.2) จีน (ร้อยละ 16.6) ญี่ปุ่น (ร้อยละ 13.1) และสหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 11.1) เป็นต้น ซึ่งร้อยละ 65 เป็นการส่งออกไปยังประเทศที่ไทยทำเอฟทีเอด้วย
20 พฤษภาคม 2563
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ