กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โชว์ความสำเร็จงาน “FTA Fair : สินค้าเกษตรไทย ก้าวไกลด้วย FTA” ที่จัดขึ้นในช่วงวันหยุดยาว 5-6 ก.ย. 2563 ณ จังหวัดพิษณุโลก ชี้! เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ภาคเหนือตอนล่าง จำหน่ายสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของดีในพื้นที่อย่างคึกคัก ผู้ร่วมงานได้รับสาระความรู้การเตรียมความพร้อมส่งออกไปตลาดต่างประเทศ พร้อมใช้ประโยชน์จาก FTA ลดต้นทุนการทำธุรกิจ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จับมือสภาเกษตรกรแห่งชาติ จัดงาน “FTA Fair : สินค้าเกษตรไทย ก้าวไกลด้วย FTA” ระหว่างวันที่ 5-6 กันยายน 2563 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา จังหวัดพิษณุโลก โดยภายในงานได้เปิดพื้นที่ให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 5 จังหวัด คือ ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และอุตรดิตถ์ นำสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมาจัดแสดงและจำหน่ายจำนวน 20 บูธ
นอกจากนี้ ยังได้จัดสัมมนาให้ความรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) 13 ฉบับ ส่งออกไปตลาดคู่ค้า 18 ประเทศ เช่น อาเซียน จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นต้น เพื่อเตรียมความพร้อมใช้โอกาสที่ประเทศคู่ค้าลดหรือยกเลิกภาษีนำเข้ากับสินค้าที่ส่งออกจากไทย ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มแต้มต่อทางการค้าในเวทีการค้าโลก พร้อมทั้งเปิดคลีนิค FTA Center ให้ข้อมูลและคำแนะนำเรื่องการค้าระหว่างประเทศ ความตกลงการค้าเสรี กฎระเบียบทางการค้า อัตราภาษีนำเข้า และขั้นตอนการใช้ประโยชน์จาก FTA
“การจัดงานครั้งนี้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยได้รับความสนใจและการตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานที่ได้ชม ชิม ช้อป พร้อมสาระความรู้ที่เป็นประโยชน์ และกิจกรรมให้ร่วมสนุก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่น และเชื่อมโยงสินค้าเกษตรในชุมชนกับตลาดต่างประเทศโดยใช้ FTA เป็นเครื่องมือ รวมทั้งเป็นโอกาสที่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการได้แสดงศักยภาพของสินค้าเกษตรหลากหลายประเภท ที่มีคุณภาพมาตรฐานและสามารถขยายตลาดไปต่างประเทศ” นางอรมน ย้ำ
สำหรับสินค้าสำคัญที่ขายดี เช่น ละมุดออร์แกนิกและกาแฟบ้านห้วยตมจากสุโขทัย เครื่องสำอางอะโวคาโดจากตาก ผลิตภัณฑ์เสริมความงามส้มซ่าและเมล่อนจากพิษณุโลก ผ้าทอจกลายจากอุตรดิตถ์ และน้ำมันรำข้าวบ้านเขาแหลมจากนครสวรรค์ เป็นต้น
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
5 กันยายน 2563
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ