กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเปิดเวทีสัมมนาประชาพิจารณ์ ‘ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป’ เชิญชวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงร่วมระดมความเห็นเกี่ยวกับความตกลงอาร์เซ็ป พร้อมขนทัพกูรูแนะแนวทางการใช้ประโยชน์และเตรียมรับมือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความตกลง
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมจัดสัมมนาประชาพิจารณ์เปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นประเด็น “ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป” ในวันที่ 11 กันยายน 2563 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น รวมถึงร่วมรับฟังช่องทางการใช้ประโยชน์จากความตกลง และแนวทางการปรับตัวจากผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
นางอรมน กล่าวว่า การสัมมนาประชาพิจารณ์ครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ จะได้รับทราบสาระสำคัญของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป (RCEP) ผ่านการบรรยายหัวข้อ “รู้รอบข้อตกลง RCEP” โดยหัวหน้าผู้แทนไทยในการเจรจาอาร์เซ็ป นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงการเสวนาหัวข้อ “RCEP เชื่อมไทยสู่โลกสู้โควิด” จากผู้แทนภาครัฐ นักธุรกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ที่จะมาแชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับความตกลงฯ ในแง่มุมต่างๆ และปิดท้ายด้วยการเสวนาหัวข้อ “โอกาสการค้าการลงทุนใน RCEP: ทำอย่างไรให้ปัง!” โดยกูรูด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ที่จะชี้ช่องหาตลาดจากประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป ทั้งนี้ สามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทาง Facebook กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้อีกหนึ่งช่องทาง นางอรมน เพิ่มเติมว่า ความตกลงอาร์เซ็ปจะช่วยสร้างโอกาสในการส่งออกสินค้า บริการ และการลงทุน เข้าสู่ตลาดการค้าที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในการหาวัตถุดิบการผลิตในราคาที่ต่ำลง ตลอดจนเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตการค้าของโลกอีกด้วย ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับความตกลง FTA ที่ไทยมีอยู่ สินค้าของไทยที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากการยกเว้นภาษีในอาร์เซ็ป เช่น ส่วนประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติกและเคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เส้นใย เครื่องแต่งกาย แป้งที่ทำจากรากหรือหัวของพืช (แป้งมันสำปะหลัง แป้งสาคู) ของปรุงแต่งจากธัญพืชและแป้ง สินค้าประมง ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป อาหารแปรรูป น้ำผลไม้ น้ำมันที่ได้จากพืช และกระดาษ เป็นต้น
ทั้งนี้ ความตกลงอาร์เซ็ปจะเป็น FTA ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยสมาชิก 16 ประเทศ ประชากรรวมกันเกือบ 3,600 ล้านคน คิดเป็น 48.1% ของประชากรโลก โดยในปี 2562 ประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป มีมูลค่า GDP กว่า 28.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32.7% ของ GDP โลก และมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 11.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 29.5% ของมูลค่าการค้าโลก ทั้งนี้ การค้าและการลงทุนของไทยกว่าครึ่งพึ่งพาตลาดของสมาชิกอาร์เซ็ปทั้ง 16 ประเทศ โดยไทยกับประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปมีมูลค่าการค้ารวม 2.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 59.5% ของการค้ารวมทั้งหมดของไทย และไทยมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 57% ของการส่งออกของไทยไปโลก
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
10 กันยายน 2563
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ