?จุรินทร์? ร่วมลงนาม MoU อาเซียน เน้นอำนวยความสะดวกการนำเข้าและส่งออกสินค้าจำเป็นระหว่างกัน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาทิ ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวม 152 รายการ โดยอาเซียนจะไม่ใช้มาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ที่ไม่จำเป็นและไม่สอดคล้องกับความตกลง WTO
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาเซียนได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ผ่านระบบทางไกล (Virtual Signing) เพื่ออำนวยความสะดวกการนำเข้าและส่งออกสินค้าจำเป็นระหว่างกัน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยสืบเนื่องจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้ร่วมกันออกแผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตของอาเซียนให้เข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งเป็นการวางกรอบแนวทางความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาและส่งเสริมให้การเคลื่อนย้ายสินค้าในภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่จำเป็น อาทิ อาหาร ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยให้หลีกเลี่ยงการออกมาตรการต่างๆ ที่ไม่จำเป็นและที่อาจเป็นอุปสรรคทางการค้า ซึ่งจะให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้มาตรการระหว่างกัน
นอกจากนี้ ประเทศอาเซียนจึงได้หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวปฏิบัติและรายละเอียดสินค้า รวมถึงตกลงจะจัดทำเอกสารบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MoU) แนวทางดำเนินการของประเทศอาเซียน เรียกว่า ?เอกสารบันทึกความเข้าใจของอาเซียนว่าด้วยการดำเนินการมาตรการที่มิใช่ภาษีสำหรับสินค้าจำเป็นภายใต้แผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตของอาเซียนให้เข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโควิด-19? โดยมีสาระสำคัญที่ถือว่าเป็นการสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจากไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน และการดำเนินการด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน โดยอาเซียนจะไม่ใช้มาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ที่ไม่จำเป็นและไม่สอดคล้องกับความตกลง WTO กับสินค้าจำเป็นในกลุ่ม ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ตามบัญชีแนบท้ายรวม 152 รายการเสียก่อน โดยกำหนดให้ต้องมีการแจ้งมาตรการที่ประกาศใช้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นด้วย ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนยังคงมีสิทธิที่จะออกมาตรการต่างๆ ได้ หากมีสถานการณ์จำเป็นภายในประเทศ สำหรับ MoU ฉบับนี้จะมีอายุ 2 ปี โดยสามารถทบทวนความจำเป็นของ MoU และรายการสินค้าเพิ่มเติมได้
ทั้งนี้ ในปี 2562 การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่ารวม 107,674 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 62,841 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 44,833 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับในช่วงเดือน ม.ค. ? ก.ย. 2563 มูลค่าการค้ารวม 70,567 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 41,746 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 28,821 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
กระทรวงพาณิชย์
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
10 พฤศจิกายน 2563
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ