?จุรินทร์? โชว์วิชั่นผ่านเวที APEC ย้ำกติกา อีคอมเมิร์ซต้องโปร่งใส ยุติธรรมและมีบทคุ้มครองผู้บริโภค ตอบโจทย์การค้ายุคดิจิทัล เผยมูลค่าการค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ ปี 2563 สูงถึง 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 8.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้ SMEs เพิ่มมูลค่าการค้าได้กว่า 47,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โต 13% หนุนจัดทำ FTA-AP และ RCEP ชี้ เอเปคควรมีบทบาทสำคัญดันการประชุม MC12 สำเร็จตามเป้า
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (APEC Minister Meeting 2021: AMM) ครั้งที่ 32 ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ณ กระทรวงพาณิชย์
การประชุมรัฐมนตรีเอเปคครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมในนามตัวแทนประเทศไทย โดยได้นำเสนอประสบการณ์ของไทยในการใช้การค้าเป็นเครื่องมือสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจใน 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
ประเด็นที่ 1 รูปแบบการค้าในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก และการค้าดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 โดยไทยสนับสนุนวิสัยทัศน์ปุตราจายาปี 2040 ที่เน้นการเตรียมประชาชนและธุรกิจเข้าสู่ยุค Digital Economy และจะร่วมกับสมาชิกเอเปคขับเคลื่อนแผนการทำงานด้านอินเทอร์เน็ต และ Digital Economy ที่ผ่านมา โดยไทยได้ใช้ E-Commerce สร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะกับ SME ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการค้าปลีก-ค้าส่งของไทย ผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce ในปี 2563 สูงถึง 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และผู้ประกอบการ SMEs สามารถเพิ่มมูลค่าการค้าได้ถึง 47,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าแบบ E-Commerce โดยมีกิจกรรมสำคัญ อาทิ
(1) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าแบบไฮบริด คือ ทั้งออนไลน์และออนไซด์ผสมกัน ซึ่งสามารถสร้างมูลค่ากว่า 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2) การจัดให้ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ มากกว่า 230 คู่ ซึ่งสร้างมูลค่าส่งออกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (3) การจัดฝึกอบรมเกษตรกร SMEs และ MSMEs ให้สามารถใช้แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ในการประกอบธุรกิจ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก และ (4) การเดินหน้าสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ภายใต้โครงการ From GEN Z to be CEO โดยอบรมนิสิตนักศึกษามากกว่า 20,000 ราย เพื่อเตรียมพร้อมเติบโตไปเป็นแม่ทัพทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยต่อไป
ประเด็นที่ 2 ไทยสนับสนุนการใช้ BCG Model ขับเคลื่อน MSMEs ของประเทศ โดยในปี 2565 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเปค จะจัดให้มีการสัมมนาใหญ่ (Symposium) ในเรื่องนี้ เนื่องจากตระหนักดีว่าการค้ายุคใหม่ต้องคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน
ประเด็นที่ 3 ไทยพร้อมสนับสนุนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค โดยการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ทั้งการจัดทำ FTA-AP และ RCEP ซึ่งไทยได้ให้สัตยาบัน RCEP แล้ว เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเชื่อมั่นว่า FTA จะช่วยลดเลิกอุปสรรคทางการค้า ทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคเชื่อมโยงและเติบโตได้ดีในระยะยาว
ประเด็นที่ 4 ไทยต้องการเห็นความสำเร็จของการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 12 (MC12) ในเดือนธันวาคมนี้ โดยเอเปคควรมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้การประชุมมีผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในเรื่องการให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง การจัดทำกฎเกณฑ์การอุดหนุนประมง การลดการอุดหนุนเกษตรที่บิดเบือน และการจัดทำกฎเกณฑ์ด้าน E-Commerce ซึ่งมีหัวใจสำคัญ คือ การสร้างความโปร่งใส กติกาที่เป็นธรรมสำหรับทุกกลุ่มประเทศไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย
กระทรวงพาณิชย์
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
8 พฤศจิกายน 2564
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ